เลือกซื้อกล่องเเอนดรอยด์ยังไง ไม่ให้พลาดของดี ?

ปัจจุบัน Android Box กลายเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับการเปลี่ยนทีวีธรรมดาให้กลายเป็นสมาร์ททีวีที่สามารถดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือแม้แต่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ การเลือกซื้อ Android Box ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลือกไม่ดี อาจได้เครื่องที่ทำงานช้า กระตุก หรือใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ วันนี้เราจะพาคุณไปดูว่าควรพิจารณาอะไรบ้างในการเลือกซื้อ Android Box ที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุด

อันดับแรก สิ่งที่ต้องพิจารณาคือหน่วยประมวลผลหรือชิปเซ็ต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์ ชิปเซ็ตที่ดีจะทำให้การทำงานลื่นไหล รองรับการประมวลผลของแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ดี โดยในตลาดปัจจุบันมีชิปเซ็ตยอดนิยมอย่าง Amlogic, Rockchip และ Allwinner แต่ถ้าต้องการความลื่นไหลสูง ควรเลือก Amlogic อย่าง S905X4 หรือ S922X ที่รองรับการเล่นวิดีโอ 4K และแอปพลิเคชันที่ใช้ทรัพยากรสูง ส่วน Rockchip อย่าง RK3566 หรือ RK3588 ก็น่าสนใจเพราะมีประสิทธิภาพสูงและรองรับการใช้งานที่หลากหลาย

ถัดมาคือเรื่องของ RAM และหน่วยความจำภายใน หรือ ROM ขนาด RAM ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไปควรอยู่ที่ 4GB ขึ้นไป เพราะหากมี RAM ต่ำเกินไป เช่น 2GB อาจทำให้การใช้งานสะดุดและโหลดแอปพลิเคชันช้าลง ส่วน ROM ก็ควรมีขนาด 32GB ขึ้นไป เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับติดตั้งแอปพลิเคชันและเก็บไฟล์ต่างๆ แต่หากต้องการความจุเพิ่มสามารถเลือก Android Box ที่รองรับ MicroSD Card หรือ External Hard Drive ได้

ระบบปฏิบัติการก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม ควรเลือก Android Box ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android TV แท้ (Android TV OS) เช่น Xiaomi Mi Box หรือ Nvidia Shield เพราะรองรับการอัปเดตจาก Google และมีการปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานบนทีวีโดยเฉพาะ ต่างจาก Android Box บางรุ่นที่ใช้ Android Mobile OS ซึ่งอาจมีปัญหากับแอปพลิเคชันบางตัวและไม่ได้รับการอัปเดตระยะยาว

อีกเรื่องที่สำคัญคือการรองรับการสตรีมมิ่งผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Netflix, Disney+, Amazon Prime Video และ YouTube หากต้องการรับชมความละเอียดสูงระดับ Full HD หรือ 4K จำเป็นต้องเลือก Android Box ที่ได้รับการรับรองจาก Google และ Netflix (Widevine L1) มิฉะนั้นอาจต้องรับชมได้แค่ความละเอียดต่ำ เช่น 480p หรือ 720p ซึ่งไม่คมชัดเท่าที่ควร

เรื่องของการเชื่อมต่อก็เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณา บางคนอาจใช้งานผ่าน Wi-Fi อย่างเดียว แต่หากอินเทอร์เน็ตที่บ้านไม่เสถียร ควรเลือก Android Box ที่มีพอร์ต LAN เพื่อให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ Bluetooth ก็เป็นสิ่งสำคัญ หากต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ หรือจอยเกม

ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อ ควรเลือก Android Box ที่มีพอร์ต HDMI อย่างน้อย 1.4 หรือ 2.0 ขึ้นไป เพื่อรองรับการแสดงผลระดับ 4K และ HDR นอกจากนี้ ควรมีพอร์ต USB 3.0 หรือ USB-C เพื่อการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมและการถ่ายโอนไฟล์ที่รวดเร็ว

สุดท้าย ควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ และมีการอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ เช่น Xiaomi, Nvidia, Mecool หรือ Ugoos หลีกเลี่ยงแบรนด์โนเนมหรือ Android Box ราคาถูกเกินไป เพราะอาจไม่ได้มาตรฐาน มีปัญหาการใช้งาน หรือไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ในระยะยาว

หากเลือก Android Box ได้ตรงกับความต้องการและพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน คุณจะได้อุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม และสตรีมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาการใช้งานที่ผิดพลาด

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>