slider2
slider2
previous arrow
next arrow
ทำไมสหรัฐฯ ถึงเสียอุตสาหกรรมผลิตชิปให้เอเชีย บทเรียนจากอดีตสู่อนาคตของโลกเทคโนโลยี

ทำไมสหรัฐฯ ถึงเสียอุตสาหกรรมผลิตชิปให้เอเชีย บทเรียนจากอดีตสู่อนาคตของโลกเทคโนโลยี

แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและแบรนด์ชิปชั้นนำของโลกอย่าง NVIDIA, AMD และ Broadcom ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดโลกถึง 52% แต่กลับผลิตชิปในประเทศเพียง 8-12% ขณะที่มากกว่า 83% ของชิปทั่วโลกถูกผลิตในเอเชียตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือจีน

ทำไมสหรัฐฯ ถึงเสียอุตสาหกรรมผลิตชิปให้เอเชีย

เพื่อเข้าใจว่าทำไมอุตสาหกรรมการผลิตชิปของสหรัฐฯ ถึงล้าหลัง ต้องย้อนกลับไปในอดีตที่ครั้งหนึ่ง สหรัฐฯ เคยครองส่วนแบ่งการผลิตชิปเกือบ 100% ในช่วงทศวรรษ 1950

หลังจากการประดิษฐ์ไมโครชิปในสหรัฐฯ อุตสาหกรรมนี้เคยรุ่งเรือง โดยครองส่วนแบ่งเกือบทั้งหมดของตลาดโลก แต่ความล้มเหลวในการมองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยีทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ ไม่ได้นำชิปมาใช้ในสินค้ามากเท่าที่ควร

ในทางกลับกัน ญี่ปุ่น ภายใต้การนำของ อากิโอะ โมริตะ ผู้ก่อตั้ง Sony กลับเห็นโอกาสในเทคโนโลยีนี้และนำไมโครชิปไปใช้ในวิทยุทรานซิสเตอร์ ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว และแย่งส่วนแบ่งการผลิตชิปจากสหรัฐฯ ได้สำเร็จ

แม้ว่าญี่ปุ่นจะถูกจำกัดการเติบโตในทศวรรษ 1980 จากนโยบายกีดกันของสหรัฐฯ แต่ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตชิปในสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ ส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือเพียง 51% ในช่วงปี 1980 และเหลือไม่ถึง 40% ในปี 1989

ขณะเดียวกัน ประเทศในเอเชีย เช่น ไต้หวันและเกาหลีใต้ เริ่มเข้ามาแทนที่ญี่ปุ่น โดยรัฐบาลของพวกเขาสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างจริงจัง ด้วยนโยบายส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนานวัตกรรม ทำให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก

แม้ว่าสหรัฐฯ จะพยายามฟื้นฟูการผลิตชิปในประเทศผ่านกฎหมาย CHIPS Act เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แต่การแข่งขันกับเอเชียยังคงท้าทาย เพราะประเทศเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการผลิตและต้นทุนที่ต่ำกว่า

อย่างไรก็ดี บทเรียนจากอดีตของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง การเพิกเฉยต่อโอกาสในช่วงเริ่มต้น อาจนำไปสู่การสูญเสียตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมระดับโลก

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>