ครั้งแรกในรอบ21ปีลิโอเนล เมสซี่-โรนัลโด้ไร้ชื่อบัลลงดอร์
“คริสเตียโน โรนัลโด้” และ “ลิโอเนล เมสซี่” ไม่ถูกเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัล บัลลงดอร์ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2003 หรือนับรวมแล้วถึง 21 ปีเลยทีเดียว
วันที่ 5 ก.ย. 67 บัลลงดอร์ (Ballon d’Or) ก่อตั้งโดย “France Football” นิตยสารข่าวฝรั่งเศส โดยจะเชิญชวนนักข่าวสายฟุตบอล โค้ช และกัปตันทีมชาติจากประเทศต่างๆ มาร่วมโหวตเพื่อค้นหานักฟุตบอลที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดในรอบปีนั้นๆ โดยมีการมอบครั้งแรกให้กับ “สเตนรี แมทธิว” จากสโมสรแบล็กพูล ในปี 1956 แต่ต่อมาในช่วงปี 2007 มีการล้อเลียนว่า มนุษย์คนสุดท้ายที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ คือ “ริคาร์โด กากา” เนื่องจากมี 2 ชื่อที่เป็นอันดับ 2 และ 3 ผู้เป็นสุดยอดนักเตะที่ผลัดกันครองรางวัลนี้นานนับ 10 ปี ได้แก่ คริสเตียโน โรนัลโด และลิโอเนล เมสซี ตามลำดับ
ถัดมาอีก 1 ปีถึงที “ลิโอเนล เมสซี” ที่ได้รับคะแนนโหวตถึง 473 คะแนน โดย “เมสซี” ทำผลงานได้ดีในระดับ 38 ประตู กับอีก 19 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 51 นัด คว้ารางวัลบัลลงดอร์มาครองได้ ส่งผลให้ “คริสเตียโน โรนัลโด” เป็นพระรองอีกครั้งในปีดังกล่าว
และแล้วความสุดยอดของโลกฟุตบอลที่ไม่มีใครอาจเทียบได้จากชายที่ชื่อว่า “ลิโอเนล เมสซี” ได้บังเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด หลังจากที่เขาคว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยแรกให้กับตัวเองได้ 3 ปีถัดจากนั้น คือ 2010, 2011 และ 2012 เจ้าตัวก็คว้ารางวัลได้อย่างไม่มีใครค้านได้ ด้วยสถิติการทำประตู 47, 53 และ 73 ประตูตามลำดับ ส่งผลให้ “เมสซี” กลายเป็นมนุษย์คนแรกในโลกที่สร้างสถิติคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 4 สมัยติดต่อกัน
ปี 2013 เป็นการกลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเองได้สำเร็จของ “คริสเตียโน โรนัลโด” จากการลงสนามให้กับ ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด 51 นัดรวมทุกรายการ ทำไปได้ 55 ประตู กับอีก 19 แอสซิสต์ จากผลงานที่ยอดเยี่ยมและฟอร์มการเล่นที่ดุดัน ทำให้ชนะใจผู้มีสิทธิโหวตได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 และคว้ารางวัลให้กับตัวเองเป็นสมัยที่ 2 ได้ในที่สุด ส่วนปี 2014 ก็ยังระเบิดฟอร์มสุดโหดได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเข้าป้ายเป็นผู้ชนะรางวัลบัลลงดอร์อีกหน
ปี 2015 ตัวเลขการทำประตู 58 ประตู กับอีก 31 แอสซิสต์ของ “ลิโอเนล เมสซี” ส่งผลให้เขามีชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ และได้รับการโหวตจนชนะได้ในที่สุดทำให้เขาคว้ารางวัลรวม 5 สมัย
ส่วนปี 2016 และ 2017 เป็นทาง “คริสเตียโน โรนัลโด” ที่ครองรางวัลนี้ได้ถึง 2 ปีติด ตีตื้นขึ้นเป็น 5 สมัย ทาบสถิติของ “ลิโอเนล เมสซี” คู่ปรับตลอดกาล และเป็นจุดสิ้นสุดของการแย่งชิงรางวัลบัลลงดอร์ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น พละกำลังที่ลดลง ฟอร์มการเล่นของ “โรนัลโด” จึงดรอปลงอย่างชัดเจน จากนั้นอันดับคะแนนในการโหวตจึงถอยห่างจากรางวัลนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี
ด้าน “ลูกา โมดริช” ที่พาทีมชาติโครเอเชียเข้าชิงแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศสได้สำเร็จ พร้อมทั้งมีผลงานที่ดีในระดับสโมสรจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลบัลลงดอร์ในปีนั้น รวมถึงมีการยกเลิกรางวัลเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 และมีการสอดแทรกขึ้นมาแย่งชิงรางวัลบัลลงดอร์ของ “คาริม เบนเซมา” ในปี 2022 การรับรางวัล 3 ครั้งหลังของ “ลิโอเนล เมสซี่” ในปี 2019, 2021 และ 2023 จึงไม่ต่อเนื่องกัน
การแย่งชิงรางวัลบัลลงดอร์ของ “คริสเตียโน โรนัลโด” และ “ลิโอเนล เมสซี” ได้สิ้นสุดลง พร้อมทั้งเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของโลกฟุตบอลอย่างเป็นทางการแล้วเนื่องจาก 2 สุดยอดตำนานนักเตะที่ขับเคี่ยวแย่งชิงรางวัลนี้กว่า 10 ปี ไม่มีชื่อเข้าชิงรางวัลเป็นนี้เป็นครั้งแรกของทั้งคู่ ทั้งนี้ “โรนัลโด” มีชื่อเข้าชิงรางวัล 18 ครั้ง มากที่สุดในโลก และคว้ามาได้ 5 ใบ ส่วน “เมสซี” มีรางวัลบัลลงดอร์รวม 8 ใบ สำหรับรายชื่อผู้คว้ารางวัลบัลลงดอร์เรียงปีโดยนับจากที่ทั้งคู่ติดอันดับ 1-3 พร้อมกันครั้งแรก มีดังนี้
2023 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2022 Karim Benzema (ฝรั่งเศส)
2021 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2020 ยกเลิกรางวัลเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
2019 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2018 Luka Modric (โครเอเชีย)
2017 Cristaino Ronaldo (โปรตุเกส)
2016 Cristaino Ronaldo (โปรตุเกส)
2015 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2014 Cristaino Ronaldo (โปรตุเกส)
2013 Cristaino Ronaldo (โปรตุเกส)
2012 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2011 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2010 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2009 Lionel Messi (อาร์เจนตินา)
2008 Cristaino Ronaldo (โปรตุเกส) )
2007 ริคาร์โด กากา (บราซิล)