“รวยก่อนแล้วความสุขจึงตามมา” คำพูดนี้จริงแค่ไหนในมุมมองปรัชญา ?
ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยม ความมั่งคั่งมักถูกเชื่อมโยงกับความสุข ผู้คนทำงานหนักเพื่อสร้างรายได้ หวังว่าเมื่อมีเงินมากพอ ชีวิตจะง่ายขึ้น ปัญหาจะลดลง และสุดท้ายความสุขจะตามมา คำกล่าวที่ว่า “รวยก่อนแล้วความสุขจึงตามมา” จึงเป็นแนวคิดที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายและดูเหมือนจะเป็นตรรกะที่สมเหตุสมผล เพราะเงินช่วยให้เรามีบ้านที่ดีขึ้น กินอาหารที่อร่อยขึ้น เดินทางไปที่ต่าง ๆ และเข้าถึงบริการที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น
แต่หากมองลึกลงไป คำกล่าวนี้จริงแค่ไหนในเชิงปรัชญา ? เงินสามารถซื้อความสุขได้จริงหรือ ? หรือแท้จริงแล้วความสุขคือสิ่งที่อยู่เหนือวัตถุและทรัพย์สิน ?
เมื่อย้อนกลับไปดูแนวคิดของนักปรัชญาคลาสสิก อริสโตเติลมองว่าความสุขสูงสุดของมนุษย์ คือ ยูไดโมเนีย (Eudaimonia) ซึ่งหมายถึงการมีชีวิตที่สมบูรณ์และมีความหมาย เขาเชื่อว่าความสุขไม่ได้มาจากการครอบครองสิ่งของ แต่มาจากการใช้ชีวิตที่มีคุณธรรม รู้จักความพอดี และใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ แน่นอนว่าเงินช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานได้ แต่หากปราศจากความสมดุลทางศีลธรรมและการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถนำไปสู่ความสุขที่แท้จริงได้
ในอีกมุมมองหนึ่ง นักปรัชญาเอพิคิวรัสกล่าวว่า มนุษย์สามารถพบความสุขได้จากสิ่งที่เรียบง่าย เขาเชื่อว่าการไล่ตามความมั่งคั่งไม่ใช่หนทางสู่ความสุขที่ยั่งยืน ตรงกันข้าม ความพอเพียง การมีสังคมที่ดี และการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายต่างหากกลับเป็นกุญแจสำคัญ หากเรามีเพื่อนที่ดี อาหารเพียงพอ และจิตใจที่สงบ ก็ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินมากมายเพื่อจะมีความสุข
ปรัชญาตะวันออกอย่างขงจื๊อและพุทธศาสนา ก็ให้ความสำคัญกับคุณค่าภายในมากกว่าสิ่งภายนอก ขงจื๊อเน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และการดำเนินชีวิตตามหลักคุณธรรม เขาไม่ได้ปฏิเสธบทบาทของเงิน แต่เชื่อว่าหากขาดความเมตตา ความกตัญญู และความรับผิดชอบต่อสังคม ความมั่งคั่งก็ไร้ความหมาย ขณะที่หลักธรรมในพุทธศาสนามองว่า ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการปล่อยวางและความเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต เงินอาจช่วยลดความทุกข์ทางกาย แต่ไม่สามารถขจัดความทุกข์ทางใจได้
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวที่ว่า “รวยก่อนแล้วความสุขจึงตามมา” ก็มีมิติที่ไม่อาจมองข้าม งานวิจัยด้านจิตวิทยาได้แสดงให้เห็นว่า รายได้ที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง นักจิตวิทยา แดเนียล คาห์นีแมน และ แองกัส ดีตัน พบว่า รายได้ที่เพิ่มขึ้นช่วยลดความเครียดและเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตจนถึงระดับประมาณ 75,000 ดอลลาร์ต่อปี หลังจากนั้น เงินที่มากขึ้นไม่ได้มีผลต่อระดับความสุขอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายความว่า การมีเงินพอสำหรับค่าครองชีพและความมั่นคงทางการเงินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอยู่ที่ดี แต่การสะสมทรัพย์สินเกินความจำเป็นอาจไม่ได้เพิ่มพูนความสุขเท่าที่เราคิด
ความท้าทายของแนวคิด “รวยก่อนแล้วความสุขจึงตามมา” คือ การกำหนดว่า “รวย” หมายถึงอะไร ? สำหรับบางคน รวยอาจหมายถึงการมีเงินพอใช้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ในขณะที่สำหรับบางคน รวยอาจหมายถึงการมีอิสรภาพทางการเงินที่สมบูรณ์แบบ ปัญหา คือ หากเราไม่สามารถกำหนดขีดจำกัดของคำว่า “รวยพอ” ได้ เราอาจตกอยู่ในวังวนของความทะเยอทะยานที่ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งมีมากก็ยิ่งอยากได้มากขึ้น ทำให้ความสุขกลายเป็นสิ่งที่ถูกเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ
เรามักเห็นตัวอย่างของบุคคลที่ร่ำรวยแต่ไม่มีความสุข เช่น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแต่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาสำหรับครอบครัว หรือคนดังที่มีทุกสิ่งทุกอย่างทางวัตถุแต่กลับรู้สึกว่างเปล่าภายในจิตใจ ขณะเดียวกัน เราก็เห็นคนที่ไม่ได้ร่ำรวยมากนักแต่ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและพึงพอใจ เช่น เกษตรกรที่มีชีวิตเรียบง่ายแต่มีความสุขกับสิ่งที่ตนเองมี หรือศิลปินที่อาจไม่ได้มีทรัพย์สินมากมาย แต่รู้สึกเติมเต็มจากการได้สร้างสรรค์ผลงาน
ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า “รวยก่อนแล้วความสุขจึงตามมา” อาจไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะความสุขไม่ใช่ปลายทางที่เราจะเดินไปถึงเมื่อมีเงินมากพอ แต่เป็นสิ่งที่เราต้องสร้างขึ้นในทุกช่วงเวลาของชีวิต เงินสามารถช่วยให้เรามีความสุขได้หากมันถูกใช้ไปกับสิ่งที่มีคุณค่า เช่น การดูแลครอบครัว การช่วยเหลือผู้อื่น หรือการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมาย ฯลฯ แต่หากเราไล่ตามเงินเพียงเพื่อหวังว่ามันจะนำมาซึ่งความสุขในอนาคต เราอาจพบว่าความสุขนั้นกลายเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
ดังนั้น แทนที่จะมองว่า “รวยก่อนแล้วความสุขจึงตามมา” บางทีเราอาจต้องปรับมุมมองเป็น “หาความสุขในปัจจุบัน ขณะที่สร้างความมั่นคงทางการเงินไปพร้อม ๆ กัน” เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เรามี แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักใช้ชีวิตอย่างไร ? และให้คุณค่ากับสิ่งใดในหัวใจของเรา ?
<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่ www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>