เรื่องของเกมชิงรางวัลมหาศาลพัฒนาจากการเล่นของเด็กแต่เอาถึงตาย
สุดยอดซีรีส์ที่หยิบเอาเกมเด็กเล่นมาขยายเป็นเกมเอาตัวรอดที่มีเงินรางวัลก้อนโตเป็นของล่อใจเรื่องนี้ Squid Game หรือชื่อไทย สควิดเกม เล่นลุ้นตาย กันแล้วล่ะครับ ซีรีส์ที่ได้ถูกโปรโมตกันเป็นเวลาหลายเดือน และได้ยอมรับว่าเป็นซีรีส์ที่สุดยอดและมียอดคนดูท่วมท้นในเวลาอันสั้น

กิมมิกที่พิเศษของซีรีส์ 9 ตอนเรื่องนี้ก็คือ การหยิบเอาการละเล่นของเด็กเกาหลีมาขยายเป็นบท แน่นอนว่า เกมการเล่นของเด็กๆ ที่นั่น คงแตกต่างจากเด็กบ้านเราอยู่แล้ว แต่ก็มีจุดร่วมที่ไม่ต่างกันมากนัก นั่นคือ กติกาที่แสนง่าย ไม่ต้องอธิบายมาก จากการเล่นสนุกของวัยเด็กสมัยเก่า มันถูกปรับให้กลายเป็นเกมชิงเงินรางวัลที่สุดโหดถึงตายไปซะแล้ว!
แค่เห็นตัวอย่าง ใครๆ ก็คงรู้สึกอยากดูกันตัวสั่นแล้วล่ะ
Squid Game มันเกี่ยวกับอะไร?
กีฮุน (Lee Jung Jae/อีจองแจ จากภาพยนตร์เรื่อง ‘Deliver Us from Evil’ และ ‘Along With the Gods: The Two Worlds’ ) ชายผู้ตกทุกข์ได้ยากเหลือประมาณ เขาทั้งตกงาน เป็นหนี้เป็นสินบานเบอะ ถูกเจ้าหนี้มาเฟียทวงยิกๆ หย่าร้างเมียห่างลูก อยู่กับแม่ที่แก่มากแล้ว ทุกอย่างรุมเร้า เมื่อเขาได้รับข้อเสนอสุดหักห้ามใจ เพราะเงินรางวัลจำนวนมหาศาลนั้นยั่วยวนบวกกับไร้ทางเลือก ทำให้เขาจำต้องร่วมลงเล่นเกมโหดครั้งนี้
ส่วน ซังอู (Park Hae Soo/พัคแฮซู จากซีรีส์เรื่อง ‘Prison Playbook’ และ ‘The Legend of the Blue Sea’ ) เพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานาน หัวดีได้เรียนจบสถาบันชื่อดัง ทำงานออฟฟิศ แต่เพราะไปยักยอกเงินบริษัทแถมยังเอาไปลงทุนตลาดฟิวเจอร์ หนี้สินล้นพ้นตัวอีกเช่นกัน
ไปๆ มาๆ ทั้งสองมาเจอกันในเกมๆ นี้
เกมนี้เดิมพันเงิน 45,600 ล้านวอน กับสถานที่ซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ทาบทามเอาแต่ผู้เล่นทั้ง 456 คนที่ล้วนเป็นคนผู้สิ้นหวังด้วยหนี้สินที่มากล้นจนไม่อาจจ่ายได้ไหว คนพวกนี้จะต้องผ่านหกเกม ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลไป แต่ถ้าเกิดแพ้ในเกมใด พวกเขาจะถูกกำจัดทันที
งานนี้ ไม่ได้มีแต่ผู้ร่วมเล่นเป็นตัวละครสำคัญ เพราะยังมี จุนโฮ (Wi Ha Joon/วีฮาจุน จากซีรีส์เรื่อง 18 Again, Romance is a Bonus Book และ Something in the Rain ) ที่เป็นตำรวจผู้แฝงตัวเข้าไปเพื่อสืบหาความจริงของพี่ชายที่หายตัวไป
เขาจะสืบสำเร็จหรือไม่ และใครกันจะเป็นผู้ชนะได้รับเงินจำนวนมหาศาลนี้ไป ชมจ้า 9 ตอนรวดเลย!
สควิดเกม เล่นลุ้นตาย สนุกไหม?
ชีวิตที่สิ้นหวัง เหมือนไร้ทางเลือกใดอื่น นอกจากกระโจนเข้าหาทางรอดสุดท้ายแม้สุดอันตรายด้วยความตายที่อาจพรากทุกสิ่งไปก่อนจะได้สมหวัง ซีรีส์ที่อาจเริ่มด้วยจุดง่ายๆ อย่างการพัฒนาเกมของเด็กให้กลายเป็นเกมเอาชีวิตรอดคว้าเงินรางวัล แต่ในนั้น กลับเพิ่มเติมแง่มุมบางอย่างสอดแทรกไว้ข้างใน
รวมสาระพัดคนถังแตกมาเจอกัน
ในซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่กีฮุนและซังอูเท่านั้น เพราะยิ่งดูไปเรื่อยๆ เรื่องราวในนั้นก็พาให้เรารู้จักกับเบื้องหลังการมาอยู่ในเกมของตัวละครอีกหลายๆ ตัว แต่ละคนต่างก็มีแง่มุมที่แตกต่างกันไป
อย่างกีฮุนก็จะเป็นพ่อหม้ายที่ประสบแต่ความล้มเหลวทุกด้านทั้งทางธุรกิจและหนี้สิน [ทำตัวเองทั้งนั้น ดูแล้วอาจรู้สึกสมน้ำหน้า] ขณะที่ซังอูเพื่อนของเขา แม้จบมาสูงได้งานดีแต่ก็กลับเจอทางตัน ดอกซู (Heo Sung Tae/ฮอซองแท) ที่เป็นนักเลงหัวไม้แต่ดันทำตัวเองจนเป็นหนี้ใช้ไม่มีวันหมด, มีรยอง (Kim Joo Ryung/คิมจูรยอง) หญิงสาวขี้โวยวายผู้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นผู้ชนะเกมนี้ หรืออย่างแซบยอก (Jung Ho Yeon/จองโฮยอน) เธอเป็นสาวผู้ลี้ภัยจากเกาหลีเหนือที่มุ่งหวังจะสร้างบ้านของตัวเองและดิ้นรนจะได้เห็นครอบครัวพร้อมหน้ากันอีกครั้ง
รวมทั้ง คุณลุงที่มีปัญหาด้านสมองดูน่าสงสารก็ยังมาร่วมในเกมๆ นี้
พวกเขาต่างก็ได้รับบัตรเชิญให้เข้าร่วมในมหกรรมการเล่นเกมสุดเดือดแต่เงินดี หลังนัดหมายกันที่จุดนัดพบ ทีมงานจะขับรถมารับไปส่งถึงที่ แต่ระหว่างนั้น พวกเขาจะหลับเป็นตาย ตื่นอีกทีก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน รู้แต่มีคนใส่ชุดสีชมพูและใส่หน้ากากมีรูปเรขาคณิตที่บ่งบอกระดับการบังคับบัญชา แถมมีหัวหน้านาม Frontman ที่สวมหน้ากากพิเศษแตกต่างจากใคร เงินรางวัลนั้นก็ช่างมากมายมหาศาลเหลือเกิน แถมแขวนกระปุกออมสินรูปหมูไว้อยู่กลางห้อง
แต่ใครจะคิด ในหกเกมนั้น ถ้าแพ้เมื่อไหร่หมายถึง ‘ความตาย’ มาเยือนทันที

เดินเรื่องเร้าใจ มีเซอร์ไพรซ์ตลอดทาง บางส่วนมีดราม่าชวนน้ำตาริน
‘สควิดเกม’ เป็นชื่อเกมเด็กเล่นในคนเกาหลีในช่วงหนึ่ง ก็เหมือนการเล่นของเด็กไทยที่จะมีอะไรฮิตเป็นช่วงๆ เช่นกัน เกมปลาหมึกที่ถูกบอกเล่าวิธีการเล่นกันตั้งแต่เริ่มต้น ฮวังดงฮยอก ผู้กำกับและผู้เขียนบทชื่นชอบมันมาก จนนำมาเขียนเป็นบทเสร็จไปตั้งแต่ปี 2009 ก่อนที่จะได้รับความไว้วางใจในการสร้างเป็นซีรีส์จาก Netflix ก็ผ่านไปราว 10 ปีด้วยกัน
ด้วยความที่ทั้งเรื่องมันเป็นเกม 6 เกมที่แตกต่างกัน ความแตกต่างกันของเกมจะทำให้เราได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอด แต่ละเกมล้วนเชื่อมโยงและพัฒนาจากเกมเด็กเล่น กติกาที่เรียบง่าย และทำให้คนดูได้เห็นว่า ตัวละครแต่ละตัวจะมีความคิดและพฤติกรรมอย่างไรเพื่อให้ตนกลายเป็นผู้ชนะในเกม

แต่ละตอนมีความยาวราว 50-60 นาที [แต่มีบางตอนยาวครึ่งชั่วโมง] ชวนตื่นเต้นชวนอึ้งตั้งแต่ตอนแรก และจบแต่ละตอนด้วยการทิ้งความรู้สึก ‘อยากดูต่อ’ ในใจคนดู จนหลายคนต้องอดหลับอดนอนเพื่อดูให้จบ
กระนั้น บางตอนก็ไม่ได้หวือหวามากนัก หากหันไปเล่นกับพาร์ทดราม่า เล่าเรื่องจิตใจของตัวละครมากกว่าเดิม ส่วนหนึ่งที่ทำได้ก็คงเพราะคนดูน่าจะรู้จักพวกเขามาประมาณหนึ่งแล้ว บางคู่เล่นเอาจุกอก น้ำตารินไหลด้วยความสะเทือนใจไปพร้อมๆ กัน
จากนั้น หนังก็กลับมาระทึกอีกหน
แทรกใส่สัญลักษณ์และสะท้อนสังคม
อันที่จริง เราสามารถหยิบเรื่องราวในซีรีส์ออกมาเป็นมุมมองที่สะท้อนความเป็นจริงในสังคมมนุษย์ได้มากมายหลายอย่างเลยนะ จะว่าไป ก็แล้วแต่มุมใครจะมองเห็น ซึ่งอาจไม่เท่าไม่เหมือนกันด้วยต่างประสบการณ์กันไป
โลกของสควิดเกมที่มองว่าตนเป็นผู้หยิบยื่นความเท่าเทียมนั่นก็มุมหนึ่ง แม้อีกมุมจะเหมือนมองตนเองเป็นพระเจ้าที่เลือกจะตั้งเงินไว้ตรงหน้า ใช้ความสิ้นหวังเป็นเครื่องชี้นำ แล้วปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ ทั้งปล่อยให้คนฆ่ากันเอง เอาตัวเองให้รอด เพื่อเป็นคนสุดท้าย
ทั้งยังมีบางคนที่เหมือนนั่งชูคออยู่บนหอคอยงาช้าง สนุกกับการได้การแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย มองเห็นเหตฆาตกรรมตรงหน้า แต่ก็มิได้แยแส แถมยังสะใจกับมันซะอีก

ส่วนคนเล่นเกมนั้น แม้บางส่วนจะมีจิตใจที่ดี รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ไม่อาจเห็นใครจะต้องตายไปตรงหน้า แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ต่อจิตใจด้านมืดของตนเอง ความสิ้นหวังต่อชีวิตที่มีแต่หนี้สินท่วมท้นผลักดันให้ต้องทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ หวังว่าเงินก้อนโตจะพลิกผันเป็นทางออกให้ชีวิต หลงลืมคุณธรรมในใจ ต่อเมื่อผ่านมาได้กลับให้ความขมขื่นเจ็บปวดใจมาทดแทน