slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิวซีรีส์ Sweet Tooth | เจ้าหนูครึ่งกวางกับการผจญภัยในโลกกว้างสุดอัศจรรย์

เมื่อเด็กไฮบริดครึ่งคนครึ่งกวางที่เดินทางตามหาแม่ที่หายไปในยามที่โลกเผชิญภาวะโรคระบาด

บางครั้ง การดูซีรีส์ก็ต้องใช้เวลาในการเลือกเฟ้นกันพอสมควรกว่าจะเจอเรื่องที่ถูกใจ แต่กับบางเรื่องก็เหมือนจูนกับเราติดมาตั้งแต่ตอนได้ยินข่าวและได้เห็นตัวอย่างแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้มีความเป็นเด็กอยู่สูง แต่ก็ได้แฝงเอาเรื่องราวของโลกในปัจจุบันเข้ามาไว้เต็มเปี่ยมเลยแหละ ผมกำลังหมายถึง Sweet Tooth ซีรีส์เรื่องใหม่ที่กำลังเป็นที่สนใจกัน

Sweet Tooth

ซีรีส์เรื่องนี้ถูกดัดแปลงสร้างจากคอมิกของ DC Comics ที่วาดและแต่งโดย Jeff Lemire ถึงแม้ผมจะไม่ได้อ่านเวอร์ชันคอมิก ครั้งนี้จึงเป็นประสบการณ์อันสดใหม่สำหรับเจ้าเด็กครึ่งคนครึ่งกวางที่กำเนิดขึ้นมาท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกจนมนุษย์ลดจำนวนลงอย่างมาก ซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าถึงการเดินทางของจอมเขมือบของหวานที่แยกตัวจากโลกภายนอกไปเติบโตขึ้นกลางป่า ก่อนจะสูญเสียพ่อ และถึงเวลาที่เขาจะเดินทางเพื่อตามหาแม่ของตัวเอง

มันมีความดิสโทเปียอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

 

เรื่องย่อซีรีส์ Sweet Tooth’

ในโลกที่ทุกสิ่งเจริญขึ้นมาก แต่มนุษย์ก็ยังมีทั้งดีและเลวอยู่เช่นเดิม ความฉลาดทำให้มนุษย์สร้างทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ขณะเดียวกันก็เบียดเบียนธรรมชาติ สุดท้าย ก็เกิดโรคร้ายระบาดหนักจากไวรัสลึกลับ จนมีคนตายเป็นเบือ แต่ในช่วงเวลานั้น เหมือนธรรมชาติก็จัดระเบียบมนุษย์เสียใหม่ เลือกให้เด็กบางคนที่เกิดมาในช่วงเวลานั้น มีลักษณะของมนุษย์และสัตว์ป่าอย่างละครึ่ง

 ซึ่งพวกเขาเรียกกันว่า พวกไฮบริด

อาจเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ ไม่มีใครรู้ว่าการกลายพันธุ์นี้เป็นผลหรือเป็นสาเหตุของการระบาดกันแน่ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่กลับมองไฮบริดด้วยสายตามุ่งร้าย และเกิดองค์กรที่ตามล่าไฮบริด จนทำให้พ่อคนหนึ่งต้องอุ้มกัส (Christian Convery จากหนังเรื่อง Playing with Fire) ลูกน้อยไฮบริดครึ่งคนครึ่งกวางเดินเข้าป่าในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน เขาเองก็สูญเสียภรรยาไปกับโรคร้ายนี้ จึงพยายามเลี้ยงดูเขาอย่างดีโดยมีกฎข้อห้ามไม่ให้เขาออกไปนอกรั้ว

แต่วันหนึ่ง เขาก็ติดโรคนั้นจนได้และทิ้งให้กัสต้องเติบโตอย่างเดียวดายอยู่เป็นปี ก่อนที่จะได้พบกับชาวหนุ่มผิวสีร่างใหญ่ นาม เจพเพิร์ด (Nonso Anozie จากซีรีส์เรื่อง Zoo หนังเรื่อง Pan และ Cinderella) คนที่กัสเองก็ไม่แน่ใจว่า เขาจะเป็นพวกไหนกันแน่

ครั้งนี้ กัสผู้ซึ่งค้นเจอรูปของแม่ เขาจึงตัดสินใจแหกกฎของพ่อ ออกเดินทางเพื่อตามหาแม่โดยมีเจพเพิร์ดเป็นเพื่อนร่วมทาง การผจญภัยของเขาไม่เคยง่าย และมีอุปสรรคตลอดมา แต่ก็ทำให้ได้พบกับ แบร์ (Stefania LaVie Owen จากหนังเรื่อง Krampus, The Lovely Bones และ The Cat and the Moon) ที่เข้ามาร่วมเดินทางไกล ในยามที่เด็กไฮบริดกำลังถูกไล่ล่า

และโลกใกล้เผชิญกับการระบาดของโรคร้าย…อีกครั้ง

 

รีวิวซีรีส์ ‘Sweet Tooth’

มันเป็นเรื่องราวในโลกปัจจุบันที่จินตนาการยาวไปถึงอนาคต เนื้อหาค่อนข้างเข้ากับยุคสมัยที่โลกเรากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกหลายระลอก มีคนป่วยและตายไปมากมาย ผู้คนต่างระแวงระวังไปพร้อมๆ กับการปรับตัวสู่วิถีชีวิตใหม่

เรื่องราวออกแนวไซไฟผสมแฟนตาซี มีกลิ่นไอซีรีส์เยาวชน

ครึ่งหนึ่ง มันกล่าวถึงโลกที่ถูกโรคระบาดกระหน่ำหนักจนสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ไปเป็นจำนวนมาก บ้านเมืองทรุดโทรมเละเทะในหลายส่วน ผู้คนต่างรวมกันอยู่เป็นกลุ่มๆ อีกครึ่ง มันกล่าวถึงโลกที่ให้กำเนิดมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ด้วยการนำเอาลักษณะของสัตว์ป่ามาผสมเข้ากับมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า ไฮบริด ที่เกิดขึ้นมาหลังการระบาด เด็กที่เกิดใหม่ส่วนใหญ่กำพร้าเพราะพ่อแม่มักตายด้วยโรคระบาด มีความพิเศษตรงที่ไม่ติดโรค แถมยังมีความสามารถแบบสัตว์ป่าที่มนุษย์ทั่วไปไม่มีอีกด้วย

ไอเดียเรื่องความไม่เข้าใจของมนุษย์ จนทำให้พวกเขารู้สึกกลัว ถูกนำมาใช้อีกครั้งในซีรีส์เรื่องนี้

Sweet Tooth

ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลให้พ่อของกัสตัดสินใจพาลูกไปอยู่ป่า ที่ที่เขาคิดว่าจะปลอดภัยที่สุดต่อลูกน้อยไฮบริด แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด ที่สุดแล้ว ก็ยังมีพวกลาสต์แมนตามมาเจอ แม้กระทั่งโรคระบาดมันก็ยังตามมาถึงในป่าได้อยู่ดี

คาแรกเตอร์ของเด็กไฮบริดมีอยู่หลายตัวในหนัง แต่เน้นหนักที่กัส เด็กครึ่งคนครึ่งกวาง ที่มีความสามารถในการฟังและดมกลิ่นเหนือมนุษย์ เขาเป็นเด็กไฮบริดที่พูดได้ [ซึ่งนั่นก็คงเพราะเติบโตมากับพ่อ] แถมยังมีนิสัยชอบกินของหวาน อันเป็นที่มาของชื่อเรียก สวีททูธ หรือ จอมเขมือบของหวาน นั่นเอง

หลายส่วนของเรื่องช่วงเริ่มต้น อาจจะไม่เมกเซ้นส์ไปบ้าง ก็คงไม่แปลกนัก เพราะมันดูมีกลิ่นของซีรีส์เยาวชนอยู่สูงมาก พยายามเซ็ตโลกที่มีโรคระบาดและเด็กกลายเป็นไฮบริด ที่พยายามจะเรียนรู้และเติบโต ผ่านการเดินทางตามหาแม่

Sweet Tooth

ใส่ไอเดียโรคระบาดได้น่าสนใจ

ในพาร์ทของโรคระบาดนั้น หนังใส่ไดอะล็อกที่ชวนทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในโลกจริงก็หลายจุด เหตุที่มันเกิดขึ้นจริงในโลกที่โรคระบาดไปทั่ว ไม่ว่าจะในมุมของคนทั่วไป ที่เกิดพฤติกรรมการควบคุมดูแลกันเองเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อภายในหมู่บ้าน ที่หนักหนาสาหัสก็คือ ถ้าพบเจอผู้ติดเชื้อเมื่อไหร่ พวกเขาจะกระทำที่โหดมาก คือ เผาคนทั้งเป็นพร้อมเผาบ้านทั้งหลังกันเลยทีเดียว

หรือในมุมของหมอ ก็มีทั้งหมอที่สร้างที่พักพิงให้กับเหล่าเด็กไฮบริด หมอที่จำต้องทำสิ่งเลวร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีน ทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างทางรอดให้กับมวลมนุษย์ หมอบางคนถึงขั้นทดลองวัคซีนกับภรรยาตัวเองแต่ปิดบังเพื่อนบ้านจนเกิดเรื่องน่าอนาถติดตามมา เมื่อเป็นเช่นนั้น ซีรีส์จึงไม่ได้อิงเข้าหาความเป็นซีรีส์เยาวชนจนเกินไป หลายอย่างก็มีเนื้อหาหนักๆ ผสมอยู่เช่นกัน

นอกจากนี้ ก็ยังมีไอเดียที่ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่าง ดอกไม้สีม่วง ที่จะผลิบานในบ้านที่มีคนติดเชื้อ หรือเนินเขาที่มีการฝังศพก็จะเต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดขึ้นเต็มพรึด ทั้งดูสวยงามทั้งชวนรู้สึกเศร้าหมอง

Sweet Tooth

นักแสดงเด็กน่ารัก ดำเนินเรื่องน่าติดตาม

การเดินทางของเด็กไฮบริดที่ได้พบเจอกับเจพเพิร์ด ชายร่างบึ้กที่เป็นพวกสันโดษเดินทางคนเดียว แถมยังมีเบื้องหลังที่ชวนสงสัย แต่ก็ดูรักและเอาใจใส่กัสเป็นอย่างดีเรื่อยมา เขาคือคนที่มีความขัดแย้งอยู่ในตัวเองไม่น้อย ขณะที่แบร์ คือหญิงสาวลุคแกร่งที่เคยเป็นผู้นำกลุ่ม แต่เพราะความคิดที่เปลี่ยนไปทำให้ถูกยึดอำนาจและกลายมาเป็นเพื่อนร่วมทางไม้เบื่อไม้เมาของเจพเพิร์ดไปแทน

ซีรีส์เลือกเล่าผ่านหลากหลายชีวิต นอกจากการผจญภัยของเด็กไฮบริดแล้ว ก็ยังเล่าเรื่องของจิตแพทย์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในสวนสัตว์กับเด็กสาวไฮบริดหมู เล่าเรื่องของหมอที่ยอมอุทิศตนฝืนทำสิ่งที่ตนเองรู้สึกผิดเพื่อสร้างหนทางรอด เล่าเรื่องหมอที่พยายามรักษาภรรยาที่ป่วยด้วยไวรัสลึกลับ เล่าเรื่องกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่เกลียดชังไฮบริดแต่มุ่งมั่นช่วยเหลือ และอีกหลายๆ กลุ่มสลับกันไป

พวกเขาแคสต์เลือกนักแสดงเด็กออกมาได้ดี Christian Convery แสดงเป็นเด็กไฮบริดวัยราวๆ 10 ขวบได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู นอกเหนือจากจะมีเขาสามแง่ง แล้วก็ยังมีหูใบใหญ่ที่ขยับไปมาได้อย่างอิสระ เขาเรียกพ่อว่า พับบา

Sweet Tooth

การดำเนินเรื่องอาจจะไม่ได้หวือหวามากมายนัก แต่บทจะชวนตื่นเต้นขึ้นมาก็ไม่บอกไม่กล่าว โดยรวมมันเป็นซีรีส์แนวผจญภัยของเด็กน้อยลูกครึ่ง แต่อีกส่วนมันก็นำเสนอโลกหลังการทำลายของไวรัสร้ายที่นำเสนอออกมาผสมผสานกันทั้งความเป็นไซไฟ และความเป็นแฟนตาซี มีดราม่าแทรกซึมระหว่างทาง ด้วยความน่ารักของเด็กน้อย และเรื่องราวที่หยิบเอาความคิดมุมมองของคนหลากหลายกลุ่มมาเล่า ทำให้มันเป็นซีรีส์ที่จัดอยู่ในหมวด ‘ดูเพลิน’

 ยาวไปตั้งแต่ตนจนถึงตอนจบแหละครับ!