รีวิวซีรีส์ When Life Gives You Tangerines ความรักที่เบ่งบานท่ามกลางเวลาเเละการต่อสู้ของชีวิต
When Life Gives You Tangerines คือ หนึ่งในซีรีส์ที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างจากกระแสหลักที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นหรือความดราม่าที่จัดเต็ม
ซีรีส์เรื่องนี้กลับพาผู้ชมไปสัมผัสกับเรื่องราวความรักและชีวิตที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน ผสมผสานกับการเดินทางของตัวละครผ่านกาลเวลาอย่างช้า ๆ โดยมีความหมายเหมือนกับการลิ้มรสส้มที่ทั้งหวานและเปรี้ยวในเวลาเดียวกัน
เรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้เริ่มต้นในทศวรรษที่ 1960 บนเกาะเชจู ซึ่งมี แอซุน (รับบทโดย อีจีอึน) หญิงสาวที่มีความฝันและทักษะที่อยากจะไปให้ถึงจุดที่สูงกว่าสถานะทางสังคมของเธอในขณะนั้น แต่ท่ามกลางชีวิตที่รายล้อมไปด้วยอุปสรรคทั้งจากสังคมและครอบครัว ทำให้ความฝันในการเปลี่ยนเเปลงสถานะของเธอนั้นไม่ง่ายเลย หากเเต่เธอก็กัดฟันสู้อย่างเต็มที่เพื่อทำให้ความฝันเป็นจริง
แม้ว่าแม่ของเธอที่เป็น ‘ฮาเยนโย’ (นักดำน้ำหญิง) จะพร่ำสอนด้วยคำพูดที่เเสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการเป็นผู้หญิงในสังคมนี้ว่า “มันดีเสียกว่าที่จะเกิดเป็นวัวเป็นควายมากกว่าผู้หญิงในเชจู” แต่แอซุนกลับไม่เคยยอมแพ้และเดินหน้าสู้เพื่ออนาคตของตัวเธอมาโดยตลอด
การแสดงของ อีจีอึน ในบท แอซุน เป็นอะไรที่น่าประทับใจมาก เพราะเธอสามารถถ่ายทอดความมุ่งมั่นและความอ่อนแอในเวลาเดียวกันออกมาได้อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแค่การแสดงออกทางสีหน้าหรือการกระทำ แต่ยังทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แท้จริงของตัวละครที่เธอรับบทอย่างสมบูรณ์แบบ
อีกตัวละครหนึ่งที่เป็นเสาหลักของซีรีส์ คือ กวานชิก (พัคโบกอม) เขาคือผู้ชายที่พร้อมจะยืนเคียงข้างแอซุนในทุก ๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะเจอความยากลำบากหรือความสูญเสียหนักหนาเเค่ไหนก็ตาม เขาได้แสดงออกถึงความรักผ่านการกระทำที่ไม่ต้องใช้คำพูดมากมาย เช่น การช่วยเธอสวมรองเท้า ขายกะหล่ำปลีในตลาด หรือแค่การอยู่ข้าง ๆ กันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งการแสดงของ พัคโบกอม ในบทนี้ทำให้เขากลายเป็นตัวละครที่ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นและเหมาะสมกับบทบาทชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้างผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแท้จริง
ความสัมพันธ์ระหว่างแอซุนและกวานชิกนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ความรักแบบทั่ว ๆ ไปที่เห็นในละครหรือซีรีส์อื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยคำพูดหวาน ๆ หรือการสารภาพรักที่ดราม่า แต่กลับเน้นไปที่การแสดงออกผ่านการกระทำที่ละเอียดอ่อนและไม่ต้องการคำพูดมากมาย ความรักในเรื่องนี้เป็นความรักที่เติบโตอย่างช้าๆ ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากและมีความลึกซึ้งที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามและการเอื้ออาทรที่ทั้งสองคนมีให้เเก่กัน
ภาพถ่ายในซีรีส์ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมต้องหลงใหลกับความงามของมัน ตัวผู้กำกับ คิมวอนซอก (จาก Signal และ My Mister) จัดเต็มในการสร้างภาพที่สวยงามจนเกือบเหมือนภาพวาด ซึ่งภาพของเกาะเชจูที่มีท้องทะเลและทุ่งหญ้าเป็นพื้นหลังนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นและลึกซึ้ง ทุกฉากที่ถ่ายทำสามารถสื่อถึงความสัมพันธ์ของตัวละครและการดำเนินเรื่องได้เป็นอย่างดี
ชื่อของซีรีส์ When Life Gives You Tangerines นั้นใช้สำนวนที่คุ้นหูอย่าง “เมื่อชีวิตให้มะนาว” แต่เปลี่ยนมะนาวเป็นส้ม ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของเกาะเชจู ส้มในที่นี้เป็นสัญลักษณ์ของการนำสิ่งที่ขมขื่นในชีวิตมาทำให้กลายเป็นสิ่งที่หวานและมีคุณค่า เช่นเดียวกับชีวิตที่มีทั้งความขมและหวานในเวลาเดียวกัน
การดำเนินเรื่องไม่ได้เร่งรีบหรือเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป หากแต่ซีรีส์นี้กลับมอบประสบการณ์ที่ค่อย ๆ ซึมซับไปกับผู้ชม ค่อย ๆ พาผู้ชมไปสัมผัสการเติบโตของตัวละคร ผ่านการต่อสู้กับชีวิตและการเรียนรู้ที่จะรักและยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น
ท้ายที่สุด เมื่อซีรีส์จบลง When Life Gives You Tangerines ก็ทิ้งข้อความที่ลึกซึ้งและมีความหมายว่า การแก่ตัวไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง แม้ว่าร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่จิตใจและความสัมพันธ์ที่มีความหมายนั้นยังคงอยู่ โดยสิ่งเหล่านี้จะยืนยาวไปตลอดกาล แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมและเวลาที่ผ่านไป
ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาซีรีส์ที่ไม่ใช่แค่การหาความรักที่หวานฉ่ำ แต่ยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตและความสัมพันธ์ที่ไม่จำเป็นต้องมีเสียงดังหรือฉากใหญ่ ๆ When Life Gives You Tangerines คือ ซีรีส์ที่คุณไม่ควรพลาดเลยค่ะ
<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่ www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>