ภาพยนตร์จากเน็ตฟลิกซ์ที่น่าสนใจสุดๆ จิกกัดผู้นำ สื่อและนายทุนได้เจ็บแสบ
ตอนนี้มีหนังเรื่องใหม่ที่น่าสนใจมากตั้งแต่พล็อตเรื่อง ไปจนถึงรายชื่อดารานักแสดง เป็นอีกครั้งนี้ที่หนังใหญ่ มีดาราแถวหน้ามากมาย หนังที่ไม่มีชื่อไทย Don’t Look Up เรื่องราวของช่วง 6 เดือนก่อนที่โลกจะต้องพบกับเหตุน่าพรั่นสะพรึง ดาวหางดวงใหม่ที่ไม่เคยถูกค้นพบกำลังมุ่งหน้ามาเพื่อโหม่งโลก
ผลงานการเขียนบทและกำกับของ Adam McKay ชายผู้เป็นเจ้าของผลงานอย่าง Vice, The Big Short, The Other Guys และ Anchorman ทั้งสองภาค ครั้งนี้เขาจับเอาพล็อตเริ่มต้นเป็นไซไฟมาเล่าเรื่องราวในแนวทางดราม่าที่มีคอเมดี้เชิงจิกกัดเสียดสีปะปนอยู่
เอาแค่เห็นทัพดาราชื่อก้องมากันคับคั่งก็ชักชวนให้เปิดดูแล้วล่ะ
เรื่องย่อหนัง Don’t Look Up
นักดาราศาสตร์อย่าง ด็อกเตอร์แรนดัล มินดี้ (Leonardo DiCaprio จากหนังเรื่อง The Revenant และ Inception) กับนักศึกษาปริญญาเอกอย่าง เคต ดิบิแอสกี้ (Jennifer Lawrence จากหนังเรื่อง Joy และ Silver Linings Playbook) ทั้งสองคนได้ค้นพบความจริงที่น่าตื่นตระหนกยิ่งสำหรับมวลมนุษยชาติ ความจริงนั้นคือ เคตเพิ่งพบดาวหางดวงใหม่ขนาดใหญ่เบิ้ม และมินดี้คือผู้คำนวณพบเส้นทางโคจรของมันที่พุ่งตรงมายังโลก ทั้งสองคำนวณได้ตรงกันว่ามันจะมาถึงโลกในอีก 6 เดือนกับ 14 วัน และนั่นทำให้พวกเขารีบขอพบประธาธิบดีเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้ทราบ
แต่ประธานาธิบดีหญิงออร์ลีน (Meryl Streep จากหนังเรื่อง Little Women และ Into the Woods) กลับอิดออดไม่ยอมให้พบ พอให้พบก็ทำเป็นไม่สนใจ บอกให้รอสถานการณ์
เมื่อความพยายามไม่เป็นผล ทั้งสองจึงหันไปพึ่งสื่อ ที่แรกที่พวกเขาสนใจคือ รายการเล่าข่าวที่มีบรี (Cate Blanchett จากหนังเรื่อง Carol และ Blue Jasmine) เป็นหนึ่งในพิธีกรร่วม แต่ก็ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผล ทั้งสองพยายามแล้วในทุกทาง แต่ก็กลับกลายเป็นว่าประธานาธิบดีออร์ลีนได้หนทางใหม่เป็น ปีเตอร์ อิเชอร์เวลล์ (Mark Rylance จากหนังเรื่อง The Trial of the Chicago 7 และ The BFG) นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีที่มองเห็นโอกาสความร่ำรวยจากดาวหางดวงนี้
และก็ไม่ได้แค่พวกเขา ยังมีอีกหลายชีวิตที่ร่วมกันโลดแล่นอยู่ในหนังเรื่องนี้
รีวิวหนัง Don’t Look Up
เริ่มต้นที่เราคิด หนังมันต้องออกมาทางไซไฟสนุกๆ เป็นแน่ ปรากฏพอได้ดูจริง มันไม่ใช่ครับ เพราะมันคือส่วนผสมของความเป็นไซไฟตรงพล็อตเริ่มต้น แต่ตอนดำเนินเรื่องมันคือดราม่าคอเมดี้เชิงจิกกัดนี่เอง
เริ่มต้นมันคือเรื่องของสองนักวิทยาศาสตร์ผู้ร่วมกันค้นพบว่าดาวหางกำลังจะพุ่งชนโลกที่ต้องการแจ้งข่าวกับผู้นำประเทศ แค่นั้นเลย แต่พอเจอหน้าประธานาธิบดีหญิง เราก็เริ่มรู้แล้วว่า นี่ไม่ใช่หนังไซไฟจ๋าแล้วล่ะ ดูเขาจะหยิบเอาเรื่องจริงมันเขียนใหม่ ตั้งแต่เหน็บแนมผู้นำสหรัฐฯ สักคนโดยเอาเรื่องดาวหางพุ่งชนโลกมาเสียบแทน จากนั้น ก็หันไปแซะทั้งสื่อ โซเชียล และมหาเศรษฐีต่ออีกที
งานนี้ นอกจากดาราที่ว่าไปในเรื่องย่อแล้ว ก็ยังมีกองทัพดาราอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Rob Morgan, Jonah Hill, Timothée Chalamet, Ariana Grande, Himesh Patel และอีกมากมายเขียนลงไม่หมด
ในด้านเรื่องราวเองก็ดูเหมือนจะเดินไปแบบทีเล่นทีจริง เจือความไม่สมจริงอยู่บ้างในบางส่วนอย่างตั้งใจ เล่าเรื่องผู้นำประเทศที่วันๆ ก่อแต่เรื่องอื้อฉาว ขนาดได้รับรู้ข่าวช็อกที่มนุษยชาติกำลังจะสูญสิ้นเพราะดาวหาง ยังทำเป็นไม่เชื่อแม้มีหลักวิชาการยืนยัน สนใจแต่เรื่องการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า แต่จะดำเนินการอะไรสักอย่างก็ต่อเมื่อมีผลประโยชน์มาผลักดัน แถมยังเอามาตั้งเป็นแคมเปญหาเสียงอีกต่างหาก
เล่าเรื่องนายทุนที่สนใจแต่ผลประกอบการ แถมยังมองหายนะโลกว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ พวกเขาจะเดินเกมอย่างบุ่มบ่ามไม่ตรวจสอบให้ดี แม้เกิดข้อผิดพลาดก็เอาแต่เออออ เพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจต้องมาก่อน และเล่าเรื่องสื่อที่สนใจแต่เรื่องใต้เตียงและส่งออกภาพมายาอื้อฉาวของคนดังที่ต้องการเป็นข่าว
เล่นเอาสองนักวิทยาศาสตร์ต้องหัวหมุน หลังล้มเหลวจากเป้าหมายสำคัญคือการแจ้งบอกผู้นำประเทศให้เตรียมรับมือ ก็เริ่มมองหาหนทางอื่น เข้าหาสื่อก็สนใจแต่จะนำเสนอความเบาสมอง ลองเปิดโปงด้วยตัวเองแต่ก็ไม่วายถูกตั้งข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง เหอๆ
นี่เขาตั้งใจจะแซะประเทศไทยชัดๆ
โดยรวม มันจึงเป็นหนังที่ต้องการจะจิกกัดหรือแซะคนบางกลุ่มที่ดูมีท่าทีไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของผู้คน บทหนังอาจชวนรู้สึก ‘บ้าบอ’ อยู่สักหน่อย แนะนำให้ดูแบบพากย์ไทยที่นอกจากทำให้ไม่ต้องอ่านซับไตเติล แต่ยังได้ภาษาพูดที่แสดงอารมณ์ตรงๆ กว่า อาจจะได้อรรถรสที่เต็มที่หน่อย
ระหว่างดู ผมก็เดาตอนจบเอาไว้อย่างหนึ่ง ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากที่คิด แต่ก็กลับพบว่า หลังจบเครดิตปิดท้าย ยังมีอีกฉากหนึ่งที่สะใจดีไม่ใช่เล่น