หนังเล่าย้อนไปไกลถึงจุดเริ่มต้นของตำนานแม่มดซาร่าห์ เฟียร์ สู่บทสรุปแห่งการถอนคำสาป
หลังจากติดตามหนังไตรภาคตำนานแม่มดเชดี้ไซด์ต่อกันมาสองภาค ก็ถึงเวลาที่จะได้พบกับบทลงเอยของเรื่องราวนี้เสียที กับภาคที่สาม ‘Fear Street Part III: 1966’ หรือชื่อไทย ‘ถนนอาถรรพ์ ภาค 3: 1666’ ที่จะเล่าเรื่องราวย้อนไปยังปี 1666 บนแผ่นดินยูเนียน ที่ปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็นสองเมือง เชดีไซด์ และ ซันนี่เวล เพื่อกลับไปดูว่าต้นเรื่องของตำนานและความสยดสยองของการสังหารหมู่ครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งหมดนั้นเป็นมาอย่างไร
ผลงานที่ดัดแปลงจากหนังสือนิยายของ R.L. Stine/อาร์ แอล สไตน์ ที่ Leigh Janiak ร่วมเขียนบทกับ Phil Graziadei, Zak Olkewicz และ Kate Trefry เล่าเรื่องราวตำนานสยองขวัญที่มีอยู่คู่เมืองเล็กๆ เมืองนี้มายาวนานร่วม 300 ปี
ที่คราวนี้มันถูกเล่าย้อนไปถึงวันเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด!
เรื่องย่อหนัง ‘Fear Street Part III: 1666’
ความสยดสยองที่เกิดขึ้นในเมืองที่ชื่อว่า เชดี้ไซด์ เมืองที่ได้ชื่อว่า ‘เมืองแห่งนักฆ่าของสหรัฐอเมริกา’
ภาคแรกนั้น เล่าเรื่องราวในปี 1994 ของกลุ่มเพื่อนวัยหนุ่มสาวที่บังเอิญไปพบเจอกับปีศาจในตำนานเข้า ตำนานที่เล่าถึงแม่มดที่โหดเหี้ยม ก่อเหตุสังหารต่อเนื่องที่รังควานเมืองของพวกเขามายาวนานถึง 300 ปี
ก่อนที่ภาคสองจะย้อนกลับไปเล่าถึงเมืองเชดี้ไซด์ในปี 1978 เล่าเรื่องราวในค่ายซัมเมอร์ของโรงเรียนและแคมป์ไนต์วิง ที่ที่เด็กจากทั้งเมืองซันนี่เวลและเชดี้ไซด์มารวมตัวกัน ก่อนจะเกิดเหตุฆ่าโหด ความน่ากลัวสยดสยองและการดิ้นรนเอาตัวรอดได้บังเกิดขึ้นอีกครั้งในเชดี้ไซด์
ตำนานแม่มด ซาราห์ เฟียร์ ถูกกล่าวถึงมาตลอดทั้งสองภาค กำลังจะได้เวลาแห่งการเฉลยในภาคที่สาม ต้นเหตุของเรื่องราวที่เปลี่ยนชีวิตของชาวเชดี้ไซด์ไปตลอดกาล
รีวิวหนัง ‘ถนนอาถรรพ์ ภาค 3: 1666’
อันที่จริง ก็น่าจะยังพอมีเหลือพื้นที่ให้เล่าที่มาที่ไปของเหล่าปีศาจฆาตกรลูกสมุนของซาร่าห์ เฟียร์ ที่ยังไม่ถูกบอกเล่าอีกส่วนหนึ่ง แต่ก็เข้าใจว่า อาจจะไม่แรงพอจะฉุดความสนใจของผู้ชมได้มากเท่า ‘ถนนอาถรรพ์ ภาค 2: 1978’ เลยข้ามเล่าอดีตเสียเลยคงดีกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น ภาคนี้ จึงกระโดดกลับสู่อดีตกาลปี ค.ศ.1666 หรือกว่า 300 ปีก่อน ว่ามันเกิดเหตุใดขึ้น
ย้อนไปเล่าสู่จุดเริ่มต้น รวมนักแสดงจากทุกภาค
สมัยนั้น ณ แผ่นดินที่ปัจจุบันกลายเป็นเมืองเชดีไซด์และซันนี่เวล มันเคยเป็นเมืองเดียวคือ ยูเนียน ณ จุดที่เคยเป็นแคมป์ไนต์วิงในภาคสอง ก่อนนั้นมันเคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในปี 1666 ในช่วงเวลานั้น มีความเชื่อเรื่องแม่มดคงเกลื่อนกลาด รวมทั้งพฤติกรรม LGBTQ+ ยังเป็นเรื่องที่นอกรีตและถูกต่อต้านจากสังคมอย่างมากด้วยเช่นกัน พฤติกรรมของตัวเอกจึงหลีกไม่พ้นให้ถูกครหา เกลียดชังและนำพาไปสู่การแขวนคอที่คนสมัยนี้มองว่าโหดเหี้ยม และคนเขียนก็นำเอาสิ่งเหล่านั้นมาใช้เพื่อสร้างสรรค์เรื่องราวที่เป็นที่มา
ในภาคที่สามที่เล่าเรื่องราวเก่าสุดนี้ มีนักแสดงจากทั้งสองภาคมารวมกันไปเพียบอยู่ ราวกับจะบอกเป็นนัย พวกเขาเคยเกิดเป็นคนในยูเนียนมาในกาลก่อน
Kiana Madeira กลับมาในบทซาร่าห์ เฟียร์ ที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่แอบซ่อนกับฮานน่าห์ (ที่แสดงโดย Olivia Scott Welch) นอกจากนี้ ก็ยังมี Emily Rudd ที่กลับมาในบทอบิเกล Sadie Sink ในบทของคอนสแตนซ์ Benjamin Flores Jr. ในบทของเฮนรี่ น้องชายของซาร่าห์ Julia Rehwald ในบทลิซซี่ เช่นเดียวกับ McCabe Slye ที่กลับมาในชื่อเดิมแต่โทมัสผู้ขี้เมาและคลุ้มคลั่ง พร้อมมีตัวละครใหม่ โซโลมอน ที่แสดงโดย Ashley Zukerman
เรื่องราวดูไม่ซับซ้อนมาก ดำเนินเรื่องชวนให้รู้สึกหวาดระแวง กับเรื่องราวที่ชวนเชื่ออย่างเหลือเชื่อ แถมยังเปิดเผยความจริงที่ถูกเข้าใจผิดมาตลอดอีกด้วย บ่งบอกว่า บางสิ่งที่ถูกเล่าสืบต่อกันจากอดีต อาจผูกไว้ด้วยอคติของคนในกาลก่อน สร้างความเข้าใจผิดต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
บรรจบเรื่องราวในปัจจุบัน แทรกใส่แง่มุมน่าคิด
จากนั้น ผู้ชมก็ถูกดึงกลับสู่ปัจจุบันโดยทันที ความจริงถูกเปิดเผยแล้วก็ได้เวลาที่ตัวละครจะต้องแก้ไขคำสาปที่มีมายาวนานให้หมดสิ้นไปเสียที ต้องไม่มีใครตายเพราะตำนานและความแค้นเช่นนี้อีก
โดยรวมมันต้องดูสองภาคแรกมาก่อนอยู่แล้ว และเรื่องราวที่เหลือหลังจากนี้ เหมือนทำให้เหตุการณ์เดิมเกิดซ้ำขึ้นอีกครั้งแต่ในสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไป เหล่าสมุนปีศาจฆาตกรกลับมาอาละวาดอีกครั้ง แต่พวกมันการเป็นเหยื่อแทน และพวกเขาต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เพื่อช่วยแซมและช่วยชาวเมืองเชดี้ไซด์ให้สำเร็จ
มีบางสิ่งในเรื่องนี้ที่ทำให้รู้สึกฉุกคิด และมองว่าน่าสนใจอยู่พอประมาณอย่างการเล่นคำ หนึ่งคือ ชื่อของ ซาร่าห์ เฟียร์ — Sarah Fier ที่นามสกุลของเธอ คือ เฟียร์ ที่พ้องเสียงกับคำว่า Fear ที่แปลว่า ‘ความกลัว’ ส่วนชื่อของหนังไตรภาค Fear Street ก็บ่งบอกความหมายถึง ถนนแห่งความกลัว อีกนัยอาจหมายถึง ถนนแห่งซาร่าห์ เฟียร์ นั่นเอง
— Spoiler Alert —
อีกสิ่งคงเป็นอะไรที่สปอยล์อยู่ในหน่อยๆ คราวนี้ เป็นนามสกุลของนายอำเภอ นิค กู๊ด — Nick Goode ที่ก็พ้องกับคำว่า Good ที่แปลว่า ดี หากแท้จริงแล้ว กลับมีเพียงฉากหน้าที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคนดี แต่เบื้องหลังกลับเป็นความชั่วร้าย ช่างตรงกันข้ามกับนามสกุลของพวกเขา
แม้เรื่องราวในช่วงที่เหลือนี้จะไม่ได้มีอะไรให้พลิกอีก แต่ก็เดินไปอย่างสนุก มันกลายเป็นหนังล้างแค้นเอาคืนผสมกับการเอาตัวรอดจากเหล่านักฆ่า เป็นสมรภูมิเดิมแต่เพิ่มสีสัน อาจลำบากในการดูนิดหน่อยเพราะความมืด ส่วนจังหวะ jump scare แทบไม่มีให้เห็น เดินเรื่องไปสู่บทลงเอยได้กลมกล่อม สิ่งหนึ่งที่เขาทำได้ก็คือ