ซีรีส์แนวดราม่าลึกลับที่ว่าด้วยเรื่องของคนโคลนที่โผล่ขึ้นมาธารน้ำแข็งและเถ้าภูเขาไฟ
ไอซ์แลนด์ เป็นดินแดนอันห่างไกลที่คิดว่า ชาตินี้คงไม่มีวันได้ไปเหยียบ แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะทำได้เพื่อให้รู้จักประเทศนี้ให้มากขึ้น ก็คงเป็นการเปิดดูซีรีส์ของพวกเขา ประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ภูมิอากาศที่หนาวยะเยือก แต่ทว่าที่นั่นมีภูเขาไฟระเบิด ภูเขาไฟที่ชื่อเดียวกับชื่อเรื่องเปี๊ยบ Katla ชื่อไทย อาถรรพ์เยือกแข็ง ทำให้เราเริ่มรู้จักกับภูเขาไฟลูกนี้มากขึ้นกว่าเดิม
การมีซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้เราเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมัน คัตลา เป็นภูเขาไฟลูกใหญ่ตั้งอยู่แถบไอซ์แลนด์ตอนใต้ มันปะทุขึ้นมาราว 20 ครั้งแล้วที่มีการบันทึกกันเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ปะทุรุนแรงอีกเลยนับตั้งแต่ปี 1918 มีเพียงการปะทุครั้งยิบย่อยเท่านั้น และความที่ประเทศของเขามีภูเขาไฟและอยู่ในเขตน้ำแข็ง มันเลยกลายเป็นมาซีรีส์ที่ชักชวนให้ผู้ชมทั่วโลกหันมาสนใจ
เรื่องราวที่เล่าด้วยความลึกลับน่าค้นหา กับทัศนียภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นที่ไหน
เรื่องย่อซีรีส์ Katla
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่อยู่ภายใต้อุณภูมิต่ำระดับเยือกแข็ง แต่ที่นั่นก็มีภูเขาไฟอยู่เช่นกัน คัตลา คือภูเขาไฟที่ปะทุมายาวนานหนึ่งปีเต็มและยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง เมืองเล็กๆ อย่าง วิค ที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟจึงมีแต่คนย้ายออก หลงเหลือเพียงชาวบ้านเพียงเล็กน้อย กับเหล่านักวิจัยธารน้ำแข็งเท่านั้น ใครจะเข้าจะออกต้องขออนุญาตก่อนเสมอ
แต่วันหนึ่งวันนั้น ที่นี่กลับเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อจู่ๆ ก็มีคนพบว่าหญิงสาวคนหนึ่ง เนื้อตัวดำเมี่ยมด้วยเถ้าภูเขาไฟ เดินเปลือยกายหนาวสั่นอยู่ ความน่าตกใจอีกประการก็คือ เธอเป็นคนที่เคยอยู่ในหมู่บ้านแต่หายไปเมื่อปีก่อน แถมยังจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
เธอคือเธอจริงๆ หรือเปล่า?
แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลายเธอที่เดินออกมาจากภูเขาไฟตามกันเป็นพรวน สร้างความฉงนและใคร่อยากรู้คำตอบแก่ กรีม่า (Guðrún Ýr Eyfjörð) หญิงผู้ที่เผชิญกับเหตุประหลาดนี้มากที่สุดที่พยายามจะไขปริศนาหาคำตอบ มนุษย์ที่กลับมาจากใต้ธารน้ำแข็ง
รีวิวซีรีส์ อาถรรพ์เยือกแข็ง
นอกเหนือจากภาพของโลเกชันที่ดูแปลกตาด้วยความเป็นเมืองหนาวที่ภูเขาไฟปะทุจนขี้เถ้าฟุ้งกระจายเต็มไปหมด ไม่ต้องสร้างฉากเพิ่มเติมพิเศษขึ้นมาสักเท่าใด ยังมีท่วงทำนองของการดำเนินเรื่องที่ไม่ค่อยได้พบเจอที่ไหน เหมือนความเนิบช้าจะเป็นเอกลักษณ์ของดินแดนที่หนาวเหน็บถึงจุดเยือกแข็งอะไรแบบนั้น
เรื่องของคนกลุ่มที่ยังไม่ยอมไปไหน กับนักวิจัยนักธรณีวิทยา
มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวิค เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่อยู่ใกล้กับจุดที่ภูเขาไฟคัตลาปะทุมาหนึ่งปี จนทั้งเมืองมีแต่ร่องรอยของเถ้าถ่านจากภูเขาไฟ ผู้คนที่ยังอยู่ไม่ยอมย้ายออกไปด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาจะมีภารกิจประจำวันต้องปีนหลังกวาดเถ้าลงแล้วกองไว้ นึกภาพว่ามันคือการเอาเถ้าภูเขาไฟมาแทนที่หิมะสีขาวโพลนนั่นแหละ เมืองแห่งนี้ดูแลโดย กรีลิส (Þorsteinn Bachmann) ที่เป็นทุกอย่างในกับคนในเมือง ส่วนตัวเอกก็เป็น กรีม่า (Guðrún Ýr Eyfjörð) สาวที่ป่วยซึมเศร้าผู้ซึ่งอยู่กินกับ เคียร์ชตัน (Baltasar Breki Samper) สามีที่ดูแลเลี้ยงวัวนม เธอจึงมีหน้าที่หลายอย่าง ทั้งส่งนม ทั้งคอยเก็บข้อมูลสภาพอากาศ ในเมืองยังมีธอร์ (Ingvar Sigurdsson) พ่อของเธอที่ง่วนอยู่กับการซ่อมเครื่องจักร เขาคือญาติที่สนิทที่สุดของกรีม่า
มีหญิงชราผู้ดูแลโรงแรมวิค โรงแรมแห่งเดียวที่ยังเปิดบริการอยู่ในเมืองนี้ แล้วก็ยังมีกลุ่มนักวิทยาแผ่นดินไหวที่วิจัยธารน้ำแข็ง ที่นำโดย ดาร์ริ (Björn Thors)
นอกจากนี้ก็ยังมีเหล่าผู้คนที่กลับมาจากธารน้ำแข็งและเถ้าภูเขาไฟอีก ชื่อแปลกๆ ทั้งนั้น!
เดินเรื่องพร้อมดนตรีประกอบหม่นเศร้าเคล้าความลึกลับ
เอาจริงๆ ซีรีส์เรื่องนี้แทบจะมีอารมณ์เดียวในตลอดทางของเรื่องราว มันจะไม่เนิบช้าสลับเร่งเร้าตามประสาซีรีส์ดราม่า-ลึกลับทั่วไป เพราะเขาจะเน้นความเนิบช้าตลอดช่วงเวลา งานภาพสวยงามประณีตบรรจง ผสมกับดนตรีที่พิถีพิถันละเอียดลออ บางช่วงหม่นเศร้า บางช่วงทะมึนชวนรู้สึกลึกลับ แต่ไม่มีช่วงไหนเลยที่ดนตรีจะแปรเปลี่ยนเป็นกระชั้นหรือกระชับ เพราะฉะนั้น ดูยาวๆ อาจมีเผลอหลับได้ แนะนำให้ชมกันทีละตอน 2 ตอน พอรู้สึกเริ่มง่วงให้หยุดพัก อะไรประมาณนั้น
ด้านเรื่องราวจะเรียกว่าเดินช้าก็พอจะเรียกได้ เรียกให้ตรงคือ “ไม่ทันใจ” เสียมากกว่า
เรื่องราวในช่วงแรกสามสี่ตอน เหมือนพยายามเล่าปูเรื่องไปทีละตัว การมาของร่างโคลนที่เหมือนตัวจริงทุกประการแต่อาจอายุน้อยกว่าตัวจริงโดยยังไม่บอกเล่าที่มาที่ไป บอกเพียงมีบางสิ่งประหลาดที่บังเกิดขึ้นและส่งผลยังไงต่อคนในเมืองนี้ ความลึกลับในเรื่องนั้นพอมี และพอจะชักชวนให้เรายังไปต่อกับมันได้อยู่ อาจเพราะใจเราปรับได้กับความเนิบช้าที่ผสานรวมกับปมชวนสงสัยในระดับนี้ได้กระมัง ทำให้ยังคงตามต่อเนื่องมาถึงตอนที่ 8
ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะโบกมือลาไปแล้วก็เป็นได้
ตอนหลังๆ เริ่มจะมีจุดชวนน่าติดตามมากขึ้นมาหน่อย ทิ้งท้ายตอนไว้ให้รู้สึกอยากดูต่อมากขึ้น แม้บางจุดจะยังชวนสงสัยในความสมเหตุสมผลอยู่บ้างแต่ก็พอให้เหตุผลเข้าข้างได้อยู่
เรื่องราวที่เกี่ยวกับอาถรรพ์เรื่องเล่า
ครั้งแรก ซีรีส์ทำให้เราคิดว่า การกลับมาของผู้คนนั้นน่าจะเกิดความคิดถึงของคนรักชักพาให้พวกเขากลับมามีตัวตนอีกครั้ง แต่ทว่า บางเคส ก็เป็นคนที่ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ดีนี่แหละ แต่ก็กลับมีอีกคนที่โคลนมาซะเหมือน แถมยังเอาตัวจริงกับตัวโคลนมาเจอกันเสียอีก แล้วก็ส่งผลให้ใส่เรื่องราวของการที่ตัวโคลนแย่งบางสิ่งบางอย่างไปจากตัวจริงได้อีกต่างหาก
5-6 ตอนแรกเหมือนจะบอกเล่าสิ่งที่เกิด พอมาตอนท้ายก็เริ่มจะเข้าสู่ช่วงหาสาเหตุ โดยระหว่างนั้นก็เหมือนจะมีข้อมูลส่งมาให้บ้าง เรื่องราวตำนานที่เคยเล่าขานเรื่องภูเขาไฟคัตลาที่เคยระเบิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต
จากตำนานเรื่องเล่า บอกว่าพวกเขาคือ ‘ลูกปีศาจ’ ที่กำเนิดขึ้นมายามที่คัตลาปะทุพ้นเถ้าถ่านขึ้นสู่ท้องฟ้า ตัวโคลนที่มาอาจเพื่อให้เราได้รู้จักตัวตน หรือมาเพื่อแย่งและแทนที่ตัวตนของเราก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ซีรีส์ไม่ได้ออกแนวระทึกขวัญ ไม่ได้ถึงกับไซไฟจ๋า ออกไปในทางแฟนตาซีด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญก็คือ มันเดินเรื่องด้วยดราม่าเป็นหลัก และไม่ได้กระชับ หากออกจะละเมียดละไมผิดจากซีรีส์แนวลึกลับที่พวกเราเคยคุ้น ซีรีส์ที่พูดกันทั้งภาษาไอซ์แลนด์และอังกฤษ พล็อตการกลับมาของคนในอดีตอาจไม่ได้ใหม่นัก