slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิว Midsommar ฝันร้ายกลางวันและจิตวิทยาความสัมพันธ์ที่บีบคั้น

รีวิว Midsommar ฝันร้ายกลางวันและจิตวิทยาความสัมพันธ์ที่บีบคั้น

หากพูดถึงภาพยนตร์สยองขวัญ คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงความมืด ความลึกลับ และเสียงตุ้งแช่ที่ทำให้หัวใจเต้นแรง แต่ Midsommar (2019) ภาพยนตร์จากผู้กำกับ Ari Aster ได้ฉีกกฎเดิม ๆ ด้วยการสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงแดด ทุ่งหญ้าเขียวขจี และสีสันสดใส ซึ่งดูเผิน ๆ คล้ายกับเทพนิยาย แต่กลับซ่อนความสะพรึงเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มและพิธีกรรมของลัทธิประหลาด

รีวิว Midsommar

Midsommar เป็นเรื่องราวของ ดานี่ (Florence Pugh) หญิงสาวที่ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมในครอบครัว เมื่อเธอสูญเสียพ่อ แม่ และน้องสาวไปพร้อมกันในเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ ด้วยภาวะจิตใจที่เปราะบาง เธอจึงต้องพึ่งพิง คริสเตียน (Jack Reynor) แฟนหนุ่มที่กำลังเบื่อหน่ายความสัมพันธ์ แต่ไม่กล้าบอกเลิกเธอเพราะสงสาร

คริสเตียนและกลุ่มเพื่อนนักมานุษยวิทยาวางแผนเดินทางไปยังหมู่บ้านลึกลับในสวีเดนเพื่อศึกษาพิธีกรรม Midsommar อันเก่าแก่ ดานี่จึงร่วมเดินทางไปด้วยโดยไม่ได้เตรียมใจว่าจะพบกับประสบการณ์สุดสะพรึงที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

สิ่งที่ทำให้ Midsommar แตกต่างจากหนังสยองขวัญทั่วไปคือ “ความสว่าง” ที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย หนังดำเนินเรื่องท่ามกลางแสงแดดจ้าและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่งดงาม แต่กลับสร้างบรรยากาศที่น่าขนลุกได้อย่างไม่น่าเชื่อ การถ่ายภาพของ Pawel Pogorzelski ผู้กำกับภาพได้ใช้สีสันอ่อนโยนและมุมกล้องที่ให้ความรู้สึกเวียนหัวเพื่อสะท้อนภาวะจิตใจของตัวละคร ซาวด์ประกอบของ Bobby Krlic (หรือ The Haxan Cloak) ช่วยเพิ่มความกดดันให้กับคนดู

แม้ไม่มีเสียงกรีดร้องหรือดนตรีหลอน ๆ แบบหนังผีทั่วไป แต่มันกลับสร้างความหวาดกลัวแบบที่ค่อย ๆ กัดกินความรู้สึกภายใน

จุดเด่นสำคัญของหนัง คือ การขับเน้นประเด็น Toxic Relationship ผ่านตัวละครดานี่และคริสเตียน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สมดุล ดานี่ต้องการที่พึ่งทางอารมณ์ แต่คริสเตียนกลับเพิกเฉยและอยู่กับเธอเพียงเพราะความรู้สึกผิด

หนังค่อย ๆ สะท้อนให้เห็นว่าดานี่รู้สึกโดดเดี่ยวแม้จะอยู่ท่ามกลางคนรัก และเธอถูกดึงเข้าไปในวังวนของลัทธิที่ดูเหมือนจะให้การยอมรับและความอบอุ่นกับเธอมากกว่าคริสเตียนเสียอีก เมื่อหนังดำเนินไปถึงฉากสุดท้าย เราจะเห็นได้ว่าดานี่ค่อย ๆ “ปลดปล่อย” ตัวเองจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษในแบบที่น่าสะพรึงกลัวและสะเทือนอารมณ์อย่างรุนแรง

อีกสิ่งที่ทำให้ Midsommar เป็นมากกว่าหนังสยองขวัญ คือสัญลักษณ์และการตีความที่เข้มข้น หากมองโดยภาพรวมหนังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ทางจิตวิทยาและวัฒนธรรม เช่น ดอกไม้ที่สะท้อนถึงการเกิดใหม่ การเต้นรำหมู่ที่แสดงถึงการละทิ้งตัวตน และพิธีกรรมที่โหดร้ายที่สะท้อนถึงแนวคิดเรื่องวงจรชีวิตและการเปลี่ยนผ่าน ความหมายของฉากและสัญลักษณ์เหล่านี้สามารถถูกตีความได้หลายแง่มุม ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนดู

การแสดงของ Florence Pugh ถือเป็นหัวใจหลักของเรื่อง เธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ความเศร้า ความเจ็บปวด ไปจนถึงช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อย ฉากสุดท้ายที่เธอหัวเราะทั้งน้ำตาในชุดมงกุฎดอกไม้เป็นหนึ่งในฉากที่ทรงพลังและตราตรึงใจมากที่สุดของหนังเรื่องนี้ ขณะที่ Jack Reynor ก็สามารถทำให้ตัวละครคริสเตียนดูเป็นแฟนหนุ่มที่ “ไม่แย่เสียทีเดียว” แต่ก็ไม่ใช่คนดีพอที่จะอยู่กับดานี่ต่อไป

Midsommar ไม่ใช่หนังสยองขวัญที่เหมาะกับทุกคน ด้วยจังหวะที่ดำเนินเรื่องอย่างช้า ๆ และภาพที่บางครั้งดูโหดร้ายเกินไป อาจทำให้คนดูบางกลุ่มรู้สึกอึดอัดหรืองุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังแนวจิตวิทยาและต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างจากหนังสยองขวัญทั่วไป Midsommar คือ ผลงานที่ควรค่าแก่การรับชม มันไม่ใช่แค่หนังเกี่ยวกับลัทธิแปลกประหลาด แต่เป็นเรื่องราวของการค้นหาตัวตนและการปลดปล่อยจากพันธนาการของอดีตในรูปแบบที่บิดเบี้ยวและสะเทือนใจที่สุด

ดังนั้น Midsommar คือ ฝันร้ายกลางวันที่งดงามและหลอกหลอนในเวลาเดียวกัน เป็นหนังที่ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังทำให้เราตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ของตัวเองและสิ่งที่เราเลือกยึดมั่นในชีวิตอีกด้วย

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>