รีวิว One Ordinary Day “ผมไม่ใช่ฆาตกร” ความยุติธรรมที่ไม่มีอยู่จริง
เราจะต้องเชื่ออะไรดีวะ ?
เป็นคำถามที่เราถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาตอนดูซีรีส์เรื่องนี้ เพราะมันเต็มไปด้วยการหักมุมที่โคตรจะชวนให้คนดูลุ้น และนั่งเครียดไปพร้อมกับตัวละคร
คิมซูฮยอน ในบท คิมฮยอนซู คืออะไรที่เรียกว่า ทุบกำแพงหัวใจ ได้จริง ๆ อะ แบบว่าตอนที่เขาเจอทุกข์ระทมแล้วร้องไห้แล้วบอกว่า “ผมไม่ได้ฆ่าเธอ” กูอยากจะกระโดดเข้าไปกอดเขาเลยอ่ะ คือน้ำตาเขาคลอ ๆ อยู่แล้ว เราก็น้ำตาไหลตามไปพร้อม ๆ กัน
ไม่ต้องพูดถึงเลยนะ ความจริงมันทำให้คนดูรู้สึกอะไรบางอย่างที่มันจะค้างคาในหัวใจไปนาน แต่มันไม่ได้จบแค่การร้องไห้ของพระเอกหรอกนะ เพราะเรื่องนี้มันทำให้เราเจอคำถามที่ว่า “อะไรคือความยุติธรรมจริง ๆ กันเเน่ ?“
รู้มั้ยนอกจากการแสดงของ คิมซูฮยอน ที่เก่งจนทำให้เราคลั่งไคล้แล้ว สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มันเดือดก็คือการสะท้อนปัญหาของสังคมและการทำงานของกระบวนการยุติธรรมที่มักจะถูกมองข้ามไป ฮยอนซูทำผิดจริง ๆ หรือเปล่า ? แล้วทำไมเราต้องมองเห็นว่าเขาคือคนผิดในทันทีที่ตำรวจตั้งข้อสงสัย ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะที่จะตัดสินคน ๆ หนึ่งจากแค่หลักฐานบางส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์หรือแค่ความรู้สึกของคนที่มองเขาว่าเป็น ‘ผู้ต้องสงสัย’ เท่านั้น แล้วถ้ามันไม่ใช่ล่ะ ? ถ้าเขาไม่ได้ทำจริง ๆ ? โลกมันเป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอ ?
เรามีสิทธิ์ตัดสินใครไหมแค่เพราะ ‘หลักฐานชิ้นเดียว’ หรือ ‘ความรู้สึกของตำรวจ’ ที่แค่เชื่อว่าเขาคือฆาตกร เพราะมันสะดวกดีไง ? แล้วมันง่ายกว่าการตามหาความจริงมั้ย ? สิ่งที่ทำให้เรานั่งขบคิด คือ “ทำไมแค่พวกเขากลับไปตั้งคำถามในเรื่องที่ง่ายที่สุดไม่ได้ ?”
ทุกการตัดสินใจมันค่อนข้างรีบร้อนเหมือนว่า “ช่างมันเถอะ จับคนนี้ไปก่อน แล้วก็ทำให้มันจบไป” แต่ในโลกจริง ๆ มันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น และบ่อยครั้งที่กระบวนการยุติธรรมมันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ซีรีส์มันชัดเจนในเรื่องนี้และทำให้เราต้องทบทวนว่าความยุติธรรมมันมีจริงหรือเปล่า ถ้ามันมีจริง ทำไมมันช้าไปทุกที ?
แล้วอีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ เราเห็นในซีรีส์ว่า ฮยอนซู ต้องเอาชีวิตไปแลกกับการพิสูจน์ความจริง ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องเจอกันในชีวิตจริงได้เลยนะ ถ้าเกิดเราต้องเผชิญกับการถูกใส่ร้ายแบบนี้บ้างในชีวิต ถามจริง ๆ เลย เราจะทำยังไง ? จะเชื่อมั่นในตัวเองได้ไหมเมื่อทั้งโลกกำลังบอกว่าเราคือคนผิด ?
การโดนตราหน้าว่าเป็นฆาตกรมันไม่ใช่แค่การสูญเสียชื่อเสียง แต่คือการที่ชีวิตเราไปทั้งชีวิตเลยจริง ๆ ใครรึจะบอกว่ากลับมาเป็นคนเดิมได้ง่าย ๆ ? ตรงนี้คือสิ่งที่ซีรีส์ทำได้อย่างคมคายที่สุด เพราะมันไม่หยุดอยู่แค่เรื่องราวของ ฮยอนซู แต่มันคือการสะท้อนความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ต่างหาก
แต่สุดท้าย ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ให้คำตอบอะไรที่ง่ายหรือเหมาะกับคนดูเสมอไป มันเหมือนจะบอกว่า ‘ชีวิตมันไม่สมบูรณ์แบบ’ และ ‘ความยุติธรรมมันไม่เคยมาเร็วอย่างที่เราคิด’ เพราะบางครั้งคนที่ทำผิดจริง ๆ กลับมีชีวิตที่สบายและคนที่ไม่มีทางต่อสู้กลับต้องทนทุกข์ไปกับการสูญเสียทุกอย่างไปทีละนิด มันทำให้เราคิดถึงคำถามที่ว่า “เราจะได้ความยุติธรรมจริง ๆ หรือเปล่า ?”
ในตอนจบ มันเร็วไปหน่อย แต่พอเข้าใจได้ว่า “มันไม่ได้มีอะไรที่ต้องรอคอยอีกแล้ว” มันสะท้อนถึงการที่ ‘หลักฐานเดียว’ สามารถพลิกคดีทั้งหมดได้ แต่ต้องแลกกับความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้
และมันก็เป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นว่า การที่ทุกอย่างมันจบง่าย ๆ ในตอนท้าย คือ การที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า ความยุติธรรมมันมาทีหลังเสมอและมันต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าความถูกต้อง
<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่ www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>