slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิว The Babadook (2014) : สัญลักษณ์แห่งความเศร้าโศกในโลกหนังสยองขวัญ

รีวิว The Babadook (2014) : สัญลักษณ์แห่งความเศร้าโศกในโลกหนังสยองขวัญ

The Babadook เป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญน่าดูที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกจากออสเตรเลีย ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Jennifer Kent ที่เปิดตัวในปี 2014 ไม่เพียงแค่สร้างความกลัวให้กับผู้ชม แต่ยังเป็นการศึกษาที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความเศร้าโศก การสูญเสีย และการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสังคมสมัยใหม่

ข้อมูลพื้นฐานของ The Babadook

ชื่อเต็ม: The Babadook
ปีที่ออกฉาย: 2014
ผู้กำกับ: Jennifer Kent
นักแสดงนำ: Essie Davis, Noah Wiseman
ประเภท: สยองขวัญ, ดราม่า, ลึกลับ
ระยะเวลา: 94 นาที
คะแนน IMDB: 6.8/10
ประเทศ: ออสเตรเลีย

รีวิว The Babadook - ภาพยนตร์ใน Google Play
รีวิว The Babadook

เรื่องย่อ รีวิว The Babadook

Amelia Vanek (Essie Davis) เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกชาย Samuel (Noah Wiseman) วัย 6 ขวบ ที่มีพฤติกรรมแปลกประหลาดและหมกมุ่นอยู่กับสัตว์ประหลาดต่างๆ Amelia ยังคงต่อสู้กับความเศร้าโศกจากการสูญเสียสามีในอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

คืนหนึ่ง Samuel ขอให้แม่อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “Mister Babadook” ให้ฟัง หนังสือลึกลับเล่มนี้เล่าเรื่องราวของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่เมื่อคุณรู้จักมันแล้ว มันจะไม่ยอมปล่อยคุณไป หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ Amelia และ Samuel เริ่มประสบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดและน่าขนลุก ที่ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า Babadook อาจจะมีจริงและกำลังเข้ามาในชีวิตของพวกเขา

จุดเด่นที่ทำให้ The Babadook เป็นหนังสยองขวัญน่าดู

1. การแสดงที่เข้มข้นของ Essie Davis

Essie Davis นำเสนอการแสดงที่ยอดเยี่ยมในบท Amelia แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องต่อสู้กับความเหนื่อยล้า ความหงุดหงิด และความเศร้าโศกที่ยังไม่หาย การแสดงของเธอมีทั้งความเปราะบางและความแข็งแกร่งที่ผสมผสานกันอย่างน่าเชื่อ

2. การออกแบบ Babadook ที่น่าขนลุก

สัตว์ประหลาด Babadook ได้รับการออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ด้วยลักษณะที่เรียบง่ายแต่น่าขนลุก การเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด และเสียงที่น่าขนลุก ที่ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่น่าจดจำที่สุดในหนังสยองขวัญ

3. การใช้สัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง

หนังเรื่องนี้ใช้ Babadook เป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าโศกและความรู้สึกผิดที่ Amelia ไม่สามารถจัดการได้ การที่เธอไม่สามารถ “กำจัด” Babadook ได้ สะท้อนถึงความจริงที่ว่าเราไม่สามารถกำจัดความเศร้าโศกได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน

4. การสร้างบรรยากาศที่หนักอึ้ง

Jennifer Kent สามารถสร้างบรรยากาศที่หนักอึ้งและกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยใช้แสง เงา และเสียงในการสร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้กับผู้ชม

วิเคราะห์เชิงลึก: ข้อความที่ซ่อนอยู่ใน The Babadook

Babadook เป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าโศก

สิ่งที่ทำให้ The Babadook โดดเด่นคือการใช้สัตว์ประหลาดเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าโศกที่ Amelia ยังไม่สามารถปล่อยวางได้ Babadook ไม่ได้เป็นแค่สัตว์ประหลาดภายนอก แต่เป็นความมืดมิดในจิตใจของเธอ

การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสังคมสมัยใหม่

หนังเรื่องนี้สำรวจความยากลำบากของการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ความเหนื่อยล้า ความโดดเดี่ยว และการขาดการสนับสนุนจากสังคม รวมถึงความรู้สึกผิดที่อาจมีต่อลูกในบางครั้ง

การยอมรับและการจัดการกับความเศร้าโศก

ข้อความสำคัญของหนังคือการที่เราไม่สามารถ “กำจัด” ความเศร้าโศกได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน ฉากสุดท้ายที่ Amelia เลี้ยง Babadook ในห้องใต้ดิน สะท้อนถึงการยอมรับและการจัดการกับความเศร้าโศกอย่างมีสติ

ฉากที่น่าจดจำใน รีวิว The Babadook

ฉากอ่านหนังสือ Mister Babadook

ฉากที่ Amelia อ่านหนังสือลึกลับให้ Samuel ฟัง เป็นจุดเริ่มต้นของความสยองขวัญ และเป็นการแนะนำ Babadook ให้กับผู้ชมอย่างน่าประทับใจ

ฉาก Amelia กลายเป็น Babadook

ฉากที่ Amelia ถูกครอบงำและกลายเป็น Babadook เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมืดมิดในจิตใจที่สามารถกลืนกินตัวเราได้

ฉากเผชิญหน้ากับ Babadook

ฉากที่ Amelia เผชิญหน้ากับ Babadook และปฏิเสธที่จะยอมให้มันทำร้ายลูกของเธอ เป็นจุดสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความรักของแม่และการเอาชนะความมืดมิดในจิตใจ

การรับรองและรางวัล

The Babadook ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ทั่วโลก และได้รับรางวัลมากมาย รวมถึง:

  • AACTA Award for Best Direction (Jennifer Kent)
  • AACTA Award for Best Original Screenplay (Jennifer Kent)
  • AACTA Award for Best Actress (Essie Davis)
  • Critics’ Choice Movie Award nomination for Best Actress in a Horror Movie

ข้อดีและข้อเสียของ The Babadook

ข้อดี:

  • การแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Essie Davis และ Noah Wiseman
  • การใช้สัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งและมีความหมาย
  • การออกแบบสัตว์ประหลาดที่น่าขนลุกและน่าจดจำ
  • ข้อความที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความเศร้าโศกและการเป็นแม่
  • การสร้างบรรยากาศที่หนักอึ้งโดยไม่ต้องอาศัย Jump Scare มาก

ข้อเสีย:

  • จังหวะการเล่าเรื่องอาจจะช้าสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม
  • อาจจะหนักหน่วงเกินไปสำหรับคนที่ต้องการความบันเทิงเบาๆ
  • การตีความสัญลักษณ์อาจทำให้สับสนสำหรับผู้ชมบางคน

เปรียบเทียบกับหนังสยองขวัญเรื่องอื่น

The Babadook มีความคล้ายคลึงกับ Hereditary ในเรื่องการใช้ความเศร้าโศกเป็นเครื่องมือสร้างความกลัว และมีความคล้ายกับ The Ring ในเรื่องการใช้สื่อ (หนังสือ vs. วิดีโอ) เป็นตัวนำสิ่งชั่วร้ายเข้ามา

แต่ The Babadook มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการนำเสนอเรื่องราวของแม่และลูก และการใช้สัตว์ประหลาดเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าโศก

ผลกระทบต่อวงการหนังสยองขวัญ

The Babadook ได้สร้างกระแสใหญ่ในวงการหนังสยองขวัญ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังสยองขวัญหลายเรื่องที่ตามมา โดยเฉพาะหนังที่เน้นเรื่องจิตวิทยาและการใช้สัญลักษณ์

คำแนะนำการรับชม

เหมาะสำหรับใคร:

  • คนที่ชอบหนังสยองขวัญที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง
  • ผู้ชมที่ชื่นชอบการวิเคราะห์สัญลักษณ์และความหมาย
  • คนที่สนใจเรื่องราวของแม่และลูก
  • ผู้ที่ชื่นชอบหนังสยองขวัญแนว Psychological Horror

ไม่เหมาะสำหรับ:

  • คนที่ชอบหนังสยองขวัญแบบ Action หรือ Gore
  • ผู้ชมที่ต้องการความบันเทิงเบาๆ
  • คนที่ไม่ชอบหนังที่มีข้อความหนักหน่วง

คะแนนและข้อสรุป

คะแนนรวม: 8.5/10

  • การแสดง: 9/10
  • การกำกับ: 8/10
  • เนื้อเรื่อง: 9/10
  • การถ่ายทำ: 8/10
  • ดนตรี: 7/10
  • ความสยองขวัญ: 8/10

สรุป: The Babadook คือหนังสยองขวัญน่าดูที่มีความหมาย

The Babadook เป็นหนังสยองขวัญน่าดูที่พิสูจน์ให้เห็นว่าหนังสยองขวัญสามารถเป็นมากกว่าแค่ความบันเทิง หนังเรื่องนี้ใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือในการสำรวจธีมที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความเศร้าโศก การสูญเสีย และความเป็นแม่

Jennifer Kent ได้สร้างผลงานที่จะอยู่ในใจผู้ชมไปนาน ไม่เพียงเพราะความน่าขนลุก แต่เพราะข้อความที่ลึกซึ้งและการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Essie Davis หากคุณกำลังมองหาหนังที่จะทำให้คุณกลับมาคิดถึงนานหลังจากชมจบ The Babadook คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ

คุณพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ Babadook ในจิตใจของตัวเองแล้วหรือยัง?

อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนังใหม่


บทความที่เกี่ยวข้อง: