slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิว พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die (2021)
รีวิว พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die (2021)

รีวิว พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die (2021)

         ในความฝันที่เกือบเป็นจริงเเต่กลับพังทลายลงเมื่อภารกิจอันใหญ่หลวงรออยู่เบื้องหน้า การใช้ชีวิตเเบบสงบสุขจึงเป็นเพียงเเค่ภาพเลือนลางที่ค่อยๆ สลายไปจากความคิดสำหรับการย่างเท้าเข้าสู่วงการสายลับอีกครั้ง ทุกย่างก้าวย่อมมีความหมายเเละทรงพลังมากพอ เเน่นอนว่าการทำภารกิจต่อสู้กับวายร้ายในครั้งนี้ ย่อมเดิมพันด้วยกับมนุษยชาติ อาวุธยุทโธปกรณ์สามารถทำลายทุกสิ่งอย่างภายในพริบตาเดียวเมื่อทำพลาด


จากจุดเริ่มต้นจวบจนวันนี้ เจมส์ บอนด์ ถือได้ว่าเป็นตัวละครที่สามารถเข้าไปอยู่ในห้วงของความทรงจำของผู้ชมหลายเจเนอเรชั่น เเละถ้าหากจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์กลับไปคงมีมาอย่างยาวนานมากถึง 59 ปี เพียงเพราะหยดน้ำหมึกจากปลายปากกาของนักเขียนชาวอังกฤษอย่าง ‘เอียน เฟรมมิง’ เเละถ้าหากเราพูดถึงตัวละครอย่าง เจมส์ บอนด์ ในวงการภาพยนตร์จะทราบกันดีว่ามีนักเเสดงมากถึง 6 คน มาร่วมถ่ายทอดความรู้สึก สร้างลมหายใจในเเบบฉบับที่เเตกต่าง
รีวิว พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die (2021)
ในความต่างนี้เองกลับทำให้ตัวละครเป็นดั่งภาพฝันยามรัตติกาลยากจะลืมเลือนไปจากความคิด เป็นการรอคอยที่เเสนพิเศษ เเละเมื่อนึกย้อนกลับไปครั้งใดอดีตย่อมส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดในปัจจุบันเสมอ
 
เมื่อไฟลุกโชนเเสงสว่างส่องประกายทั่วทุกหนเเห่ง การก่อเกิดตัวละครอย่าง เจมส์ บอนด์ เปิดฉากครั้งเเรกในบทบาทการเเสดงของ ‘ฌอน คอนเนอรี’ คนเเรกก่อนจะถูกส่งไม้ต่อไปยัง ‘จอร์น เลเซนบี’ ตามด้วย ‘ฌอน คอนเนอรี’ หวนคืนกลับจออีกครั้งก่อนจะถูกเปลี่ยนผ่านไปยัง ‘โรเจอร์ มัวร์’ ไม่นาน ‘ธิโมธี ดาลตัน’ มาสวมบทบาทการเเสดงก่อนที่ ‘เพียร์ซ บรอสเเนน’ จะมาสานต่อ
 
ท้ายที่สุดปลายทางของ ‘เจมส์ บอนด์ พยัคฆ์ร้าย 007’ กำลังจะปิดฉากเเห่งตำนานด้วยน้ำมือเจ้าพ่อการเเสดงอย่าง ‘เเดเนียน เคร็ก’ ซึ่งเเน่นอนว่าเขาเคยโดนวิพากษ์วิจารย์อย่างหนักหน่วงมาเเล้วในหลายรูปเเบบหากตัดภาพไปในภาคที่ 21 เเต่สุดท้ายเขากลับสามารถสร้างการยอมรับจากผู้คนในภายหลังได้อย่างสมบูรณ์เเบบผ่านลวดลายการแสดง ส่งผลให้เเฟนหนังหลายคนจดจำเเบบฉบับ ‘เจมส์ บอนด์’ ที่สวมบทบาทการเเสดงของ ‘เเดเนียน เคร็ก’ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
 
เรื่องราวทั้งหมดก่อประกายเเสงขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ ‘เจมส์ บอนด์’ ได้ถอยห่างเเละวางมือจากการเป็นนักสืบรับใช้ราชการ มาทำความฝันเยี่ยงสามัญชนคนธรรมดาทั่วไป นั่นคือ การใช้ชีวิตสงบสุขปราศจากการต่อสู้กับ ดร.เมเดอลีน ซึ่งเป็นคนรักของเขา อยู่ในจาเมกา ไม่นานนักภารกิจต่างๆ ประโคมกลับมาเจอเขาอีกครั้งหนึ่ง
 
โดย ‘ฟิลิกซ์ ไลเทอร์’ เพื่อนเก่าจากซีไอเอได้ขอร้องอ้อนวอนให้เขาหวนกลับคืนสู่วงการ ออกไล่ล่าตัววายร้าย เพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ชายชาวรัสเซียที่ถูกลาพาตัวไป เเละเมื่อเขาตัดสินใจปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ จึงส่งผลให้เขาค้นพบเบาะแสบางอย่าง เเละอาวุธสังหารที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอันจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติได้เลยเพียงไม่กี่วินาที
 
การหวนกลับมาของ No Time To die ในครั้งนี้ประเดิมเรื่องด้วยการย้อนกลับไปสำรวจเหตุการณ์ ก่อนจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ทั้งหมดที่จะกลายมาเป็นปมเชื่อมโยงสร้างข้อสงสัยเเละค้นหาคำตอบในภายหลัง
 
อย่างไรก็ตาม ต้นเรื่องยังมีความอบอวลบางอย่างที่สะท้อนกลิ่นอายของความหอมหวานเเห่งรักระหว่าง ‘เจมส์ บอนด์’ เเละภรรยาของเขา ซึ่งยังมีฉากที่สร้างความประทับใจ ลุ้นละทึก มันส์ อีกมากมายโดยเฉพาะไดนามิกของฉากไล่ล่า รีวิว พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die (2021)
 
เเน่นอนว่าตั้งเเต่ต้นเรื่องจนจบผู้ชมอย่างเราๆ คงจะได้รับรู้ถึงความประณีตในการรังสรรค์ผลงานในครั้งได้อย่างลึกซึ้ง เพราะในเนื้อเรื่องมีการเเทรกซึมวัฒนธรรมญี่ปุ่นผนวกกับภาพทัศน์ที่สวยงามในเเบบที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน ความเป็นมิติ ความโดดเด่นของฉากหล่อหลอมรวมกันทำให้เกิดความน่าสนใจอย่างยิ่ง
ที่มา : Sanook , Uhdmax
<< รับชมหนังใหม่ก่อนใคร เฉลี่ยเพียงแค่วันละ 10 บาท ที่ inwiptv >>
inwiptv