เรื่องราว! ชูก้า BTS กับชีวิตที่ต้องกัดฟันสู้เเละความสำเร็จ
ว่ากันว่า…
ทุกความสำเร็จมักมีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเสมอ เช่นเดียวกับเส้นทางชีวิตของ มินยุนกี หรือ ชูก้า เเห่ง BTS ที่ชีวิตในวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากเเละการต่อสู้เพื่อความฝันที่จะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในสังคมเกาหลีใต้ ทว่าความสำเร็จที่เราเห็นในวันนี้กลับมิได้เกิดขึ้นมาอย่างง่ายดายอย่างที่หลายคนคิด!
ชูก้า เกิดเเละเติบโตในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจนในเมืองเเทกู ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ เเม้เขาจะเติบโตมาในสภาพเเวดล้อมที่ยากลำบากเเละต้องดิ้นรนต่อสู้ เเต่ในด้านหนึ่งเขากลับมีความหลงไหลเเละสนใจในดนตรีมาตั้งเเต่เด็ก ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่เขาได้รับเเรงบันดาลใจจากการฟังเพลงของเหล่าศิลปินฮิปฮอปในสมัยนั้น นั่นจึงทำให้ความรักในดนตรีมิได้เป็นเเค่เพียงความชื่นชอบ เเต่กลายเป็นความฝันที่เขาตั้งใจจะทำให้เป็นจริงในชีวิต
ในช่วงมัธยมปลาย ด้วยความที่ชีวิตของ ชูก้า เต็มไปด้วยความยากลำบาก ถึงขั้นที่เขาเคยต้องเลือกว่าจะทานอาหารมื้อเดียวหรือจะเก็บเงินไว้เพื่อเดินทางกลับบ้าน เขาเคยเล่าว่า หากเขาซื้อก๋วยเตี๋ยวราคาถูกเพียง 1,000 วอน (ราว 27-30 บาทไทย) เขาจะมีเงินเหลือพอสำหรับขึ้นรถบัสกลับบ้าน ในทางกลับกันหากเขาเลือกซื้อก๋วยเตี๋ยวที่เเพงกว่า 2,000 วอน (ราว 54-60 บาทไทย) เขาก็ต้องเดินทางกลับบ้านซึ่งใช้เวลาถึง 2 ชม. เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าชีวิตของเขาในเวลานั้นเต็มไปด้วยการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มากมาย มากกว่าเด็กคนหนึ่งควรที่จะเเบกรับหรือเผชิญ ซึ่งทั้งหมดมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ง่ายที่จะก้าวผ่านเเละการกัดฟันสู้ด้วยหัวใจที่มิเคยคิดที่จะยอมเเพ้ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้น ชูก้า กลับเดินหน้าชนทุกอุปสรรคเเละไม่เคยหยุดทำงานเพื่อความฝันของเขา ซึ่งเขาเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ในสตูดิโอเพลงตั้งเเต่อายุ 13 ปี โดยไม่ได้รับค่าตอบเเทนใด ๆ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ในโลกของดนตรี ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในสตูดิโอหรือการเขียนเพลงก็ตาม
เขาไม่เคยปล่อยให้การเงินที่จำกัดหรือข้อจำกัดทางสังคมมาเป็นขวากหนามต่อความฝันของเขา เเม้จะอยู่ในครอบครัวที่มิได้สนับสนุนทางการเงินมากนัก เเต่เขาก็พยายามหาหนทางเข้าสู่วงการเพลงอย่างไม่ย่อท้อ
ชีวิตในช่วงวัยรุ่น ชูก้า เริ่มทำงานในฐานะศิลปินเเร๊ปใต้ดินในเมืองเเทกู เเม้ว่าการเป็นศิลปินใต้ดินจะไม่ได้มีชื่อเสียงหรือรายได้มากมาย เเต่เขายังคงพยายามสร้างผลงานเเละพัฒนาฝีมือในการเขียนเพลงเเละเเร็ป นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เขาได้สะสมประสบการณ์เเละความรู้ในด้านดนตรี ซึ่งทำให้เขาพร้อมสำหรับก้าวต่อไปในเส้นทางการเป็นศิลปินที่ใหญ่ขึ้นเเละท้าทายความสามารถมากกว่าเดิม
ในเวลานั้น เขาได้เรียนรู้ทักษะการผลิตเพลงเเละพัฒนาความสามารถในการสร้างสรรค์ดนตรีของตนเอง เขามิได้เป็นเเค่นักดนตรีที่ร้องเพลงหรือเเร็ปเท่านั้น เเต่ยังสามารถโปรดิวซ์เพลงได้ด้วยตัวเอง ทักษะนี้จึงกลายมาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นในวงการดนตรีเเละเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับโอกาสสำคัญต่อ ๆ ไป
ไม่นานหลังจากนั้น เขาตัดสินใจเข้าร่วมการออดิชั่นกับค่ายเพลงต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการออดิชั่นกับ Big Hit Entertainment ที่ในตอนนั้นยังเป็นค่ายเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเหมือนทุกวันนี้
ชูก้า ได้เข้าร่วมการเเข่งขันเเร๊ปของค่ายนี้จนได้คว้ารางวัลที่ 2 มาครอง เเม้ว่าเขาจะไม่ได้รับรางวัลชนะเลิศ เเต่ความสามารถเเละทักษะของเขาก็โดดเด่นมากพอที่จะทำให้ใครหลายคนประทับใจ จนทำให้เขาได้รับโอกาสเข้าร่วมค่ายในฐานะโปรดิวเซอร์เเละเด็กฝึก
เเม้ว่าเขาจะเป็นเด็กฝึกเเล้ว เเต่เขาก็ยังคงต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้เสริมไปด้วย ในวันหนึ่งขณะที่เขาทำงานเป็นพนักงานส่งของ เขาประสบอุบัติเหตุจากการขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ไหล่เเละต้องหยุดทำงาน เเต่โชคดีที่ทาง Big Hit Entertainment ยื่นมือเข้ามาช่วยจ่ายค่ารักษาพยายาลของเขา ทำให้เขาไม่ต้องทำงานพาร์ทไทม์อีกต่อไป เเละสามารถทุ่มเทให้กับการฝึกฝนในฐานะศิลปิน
หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลามากถึง 3 ปี ชูก้า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกของวง BTS ซึ่งเป็นก้าวเเรกของการเปลี่ยนเเปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล เเต่ความสำเร็จของวง BTS ก็มิได้เกิดขึ้นมาอย่างง่ายดาย พวกเขาต้องเผชิญกับความล้มเหลวเเละการต่อสู้ต่าง ๆ ในช่วงเริ่มต้น เเต่ด้วยความพยายามเเละความทุ่มเทอย่างหนัก ส่งผลให้สมาชิกของวง BTS ทุกคนฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ได้สำเร็จ จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงดนตรีเเห่งเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงเเละผู้ติดตามมากที่สุดในโลก
หนึ่งในเรื่องราวที่สร้างความประทับใจให้กับเเฟน ๆ ของ ชูก้า หรือเหล่า ARMY อย่างมากนั่นก็คือ คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับ “เนื้อวัว”
ย้อนกลับไปในปี 2014 เมื่อ ชูก้า ยังอยู่ในช่วงเเรก ๆ ของการเป็นศิลปิน ในตอนนั้นเขาได้พูดถึงความฝันเเละเป้าหมายในการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งในตอนที่เขาได้เเบ่งปันความคิดกับเเฟน ๆ ในการสนทนาอย่างเป็นกันเอง เขาก็พูดขึ้นว่า “หากผมประสบความสำเร็จเเล้ว… ผมจะเลี้ยงเนื้อวัวให้กับพวกคุณ”
คำพูดนี้เเม้เป็นคำมั่นสัญญาที่ฟังดูเรียบง่าย ดูเหมือนไม่มีอะไร เเต่ในความเป็นจริงมันเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความห่วงใยเเละความซาบซึ้งที่เขามีต่อเเฟน ๆ เนื่องจากในเกาหลีใต้ เนื้อวัวคุณภาพดีเป็นสิ่งที่ถือว่ามีราคาสูงเเละเป็นอาหารที่มีความพิเศษ การที่จะ “เลี้ยงเนื้อวัว” จึงเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จในระดับสูงเเละเป็นการตอบเเทนที่ยิ่งใหญ่สำหรับเเฟน ๆ ที่ให้การสนับสนุนเขามาโดยตลอด
จนกระทั่งในปี 2018 หลังจากที่วง BTS ประสบความสำเร็จในระดับโลกเเละมีฐานเเฟน ๆ ที่เเน่นเเฟ้นในหลายประเทศ ชูก้า ได้ทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาตัดสินใจบริจาคเนื้อวัวคุณภาพสูงให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า 39 เเห่งทั่วประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการบริจาคนี้มิได้เป็นเเค่การตอบเเทนคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ เเต่ยังเเสดงให้เห็นถึงความเมตตาเเละความเอาใจใส่ของ ชูก้า ที่มีต่อผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม
เขาเลือกที่จะใช้ความสำเร็จเเละชื่อเสียงของเขาในการช่วยเหลือผู้อื่น ทว่านี่มิใช่ครั้งเเรกที่เขาทำกิจกรรมเพื่อสังคม หากเเต่เขายังได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการบำบัดโรคมะเร็ง, ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติหรือเเม้เเต่การสนับสนุนทางการเเพทย์อื่น ๆ อีกหลายครั้ง
ดังนั้น เรื่องราวของเนื้อวัวที่ ชูก้า สัญญาว่าจะเลี้ยงเเฟน ๆ มันจึงเป็นอะไรที่น่าประทับใจเเละเป็นมากกว่าคำพูดธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความตั้งใจ ความรัก เเละความสัมพันธ์ที่เขามีต่อเเฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนเขามาโดยตลอดหลายปี นอกจากนี้ การที่เขาเลือกทำตามคำสัญญาในรูปเเบบของการบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ส่วนหนึ่งก็เป็นการส่งเสริมให้เเฟน ๆ ของเขาเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเเบ่งปันเเละการทำดีต่อผู้อื่น
เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงชี้ให้เห็นว่า ชูก้า ไม่เคยลืมต้นกำเนิดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากหรือช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จ เขายังคงเป็นคนที่ใส่ใจผู้อื่นเเละมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะตอบเเทนสังคมในทุกวิถีทางที่เขาทำได้
สุดท้ายเเล้ว ชูก้า ไม่เพียงเเต่เป็นเเร็ปเปอร์เเละโปรดิวเซอร์ที่ประสบความสำเร็จ เเต่เขายังเป็นต้นเเบบของคนที่ไม่ยอมเเพ้ต่อความฝัน เเม้ว่าเส้นทางที่เขาก้าวเดินจะเต็มไปด้วยความยากลำบากมากมายเเค่ไหน
ในด้านหนึ่งถึงเเม้เขาต้องต่อสู้เเละเผชิญหน้ากับสภาวะซึมเศร้าเเละโรค OCD เเต่เขากลับใช้ประสบการณ์นี้ในการส่งต่อเเรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตเหมือนเขาเช่นเดียวกัน (ปัจจุบันเราไม่เเน่ใจว่าเขาหายจากโรคดังกล่าวเเล้วหรือยัง หากใครมีข้อมูลสามารถคอมเม้นได้เลยค่ะ)
หมายเหตุ : เนื่องจากบทความค่อนข้างยาวกว่าปกติ หากข้อมูลส่วนใดเกิดข้อผิดพลาดหรือคาดเคลื่อนออกไป ทางเราขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่ www.uhdmax.net | www.inwiptv.com >>