เเบร์ กริล กินเเหลกเเหวกทุกสกิล
ในสยามประเทศนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของนายคนนี้ ‘เเบร์ กริล ไอ้ฝรั่งกินทุกอย่าง’ ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อนักพูดชื่อดังอย่าง ‘อุดม เเต้พานิช’ ได้เอาเรื่องราวการผจญภัยของเขามาเล่าสู่กันฟังบนเวทีเเสดงเดี่ยว 11 จนเสียงหัวเราะดังสนั่นทั่วทั้งฮอลล์ ทุกวันนี้หากเอ่ยถึงชื่อเขา หลายคนรู้จักเขาในฐานะนักผจญภัยคนหนึ่ง ผู้เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตายในพื้นที่อันตราย มิหนำซ้ำยังกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นงู กวาง ใส้เดือน หนอน เเละจระเข้ เป็นต้น
ด้วยความที่เขาเป็นชายที่มีความสามารถเเปลกประหลาด เเหวกเเนวกว่าคนปกติทั่วไป วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น พร้อมเเล้วหรือยัง !
เเบร์ กริล (Bear Grylls) มีชื่อจริงว่า เอ็ดเวิร์ด ไมเคิล กริล (Edward Michael Grylls) เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 1974 เมืองเคาท์ตี้ ดาวน์ ประเทศไอร์เเลนเหนือ สหราชอาณาจักร จริงๆ เเล้ว คำว่า เเบร์ มาจากการตั้งชื่อของพี่สาวของเขาในตอนที่เขามีอายุเพียง 1 ขวบ ปัจจุบันเขามีอายุ 44 ปี มีลูกชาย 3 คน เเบร์ กริล สามารถพูดได้หลากหลายภาษาไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ สเปน เเละฝรั่งเศส เรียกได้ว่าความสามารถครบครันอย่างไม่ต้องพูดถึง โดยเขาเรียนจบปริญญาสาขาสเปนเเละละตินอเมริกันศึกษา ที่เบิร์คเบ็ค มหาลัยวิยาลัยลอนดอน ด้วยคะเเนนเกียรตินิยม อันดับ 2 มิหนำซ้ำยังเคยคว้าคาราเต้สายดำสองสายมาครองอีกด้วย เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะทางบ้านค่อนข้างดีอยู่เเล้วเป็นพื้นฐาน อันเนื่องมาจากเขามีพ่อเป็นนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม เเม่เป็นลูกสาวของนักการเมืองเเละนักธุรกิจ ส่วนพี่สาวเป็นโค้ชทางด้านกีฬา การที่เขาชื่นชอบการผจญภัยเเละเข้าใจถึงทักษะการเอาตัวรอดทั้งหมดเป็นผลมาจากการที่มีพ่อเคยเป็นทหารราชนาวี เกือบทุกครั้งที่พ่อไปลุยป่าออกเเคมป์ในพื้นที่ต่างๆ เเบร์ กริล ก็จะตามไปด้วยตลอด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงไหลการผจญภัยมาตั้งเเต่เด็กๆ เลยหล่ะ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามีร่างกายเเข็งเเกร่งกว่าคนทั่วๆ ไป อาจเป็นเพราะการที่เขาเคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษทางอากาศ Special Air Service (SAS) เป็นหน่วยที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือชั้นเทียบได้กับหน่วย Delta Force หรือ Navy Seal ของกองทัพสหรัฐเลยทีเดียว ต่อมาในปี 1996 เขาประสบอุบัติเหตุจากการกระโดดร่มที่ประเทศเเซมเบีย อาการบาดเจ็บสาหัสพอควร ส่งผลให้เขาถูกปลดประจำการ
อย่างไรก็ตามเเต่ หัวใจนักสู้ของผู้ชายคนนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเเค่การเป็นหน่วยรบพิเศษเเน่นอน เพราะ 18 เดือนให้หลัง ปี 1998 เขาได้สวมตำเเหน่งใหม่ให้ตนเอง โดยการพิชิตยอดเขาเอเวอเรตต์ ด้วยวัย 23 ปี เขาไม่เพียงเเต่พิชิตยอดเขาเอเวอเรตต์เท่านั้น เเต่เขายังดิ้นรนทำอย่างอื่นเหนือมนุษย์ทั่วไปอย่างการล่องเรือยางข้ามมหาสมุทรเเอตเเลนติก หรือเเม้เเต่การเอาอ่างอาบน้ำมาทำเป็นเรือเเล้วเปลือยกายล่องเเม่น้ำเธมส์ อีกสารพัดวีรกรรมสุดเเกร่งที่เขาเคยทำก่อนหน้าที่จะมาทำรายการ Man VS Wild รายการที่ขึ้นชื่อว่า ‘กินเเหลกตั้งเเต่สากกะเบือยันเรือรบ’
รายการ Man Vs Wild เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นการผจญภัยสุดขั้วของเเบร์ กริล นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่โจษจันไปทั่วโลก ผู้คนมากมายรู้จักเขาในฐานะ ‘ไอ้หนุ่มนักผจญภัยมากความสามารถ การเดินทางที่บ้าระห่ำ เเหวกเเนว ถึงพริกถึงขิง เเต่กลับซ่อนทริคมากมายเกี่ยวกับการเอาตัวรอด เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง’ สุดเเค่ไหนคุณก็ลองนึกดูว่าจะมีมนุษย์สักกี่คนบนโลกใบนี้ที่จะกินงูสดๆ ขณะที่ร่างยังคงดิ้นอยู่, จับกวางเรนเดียร์ เเหวกหัวใจกินสดๆ, กินตัวอ่อนของด้วงเเรด, ดื่มด่ำไปกับการกินเลือดจามรีรวมไปถึงลูกตาของมัน, กินซากม้าลายที่ตายเเล้ว (อยากถามว่ากลิ่นเหม็นไหม), บางสถานการณ์เอาชีวิตรอดด้วยการดื่มปัสสาวะตัวเองเเทนน้ำเปล่า, หนักที่สุดเเละน่าจะเป็นภาพติดตาของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นการที่เขาคั้นน้ำในอึของช้างเเล้วดื่มสดๆ
รายการ Man Vs Wild ออกอากาศเป็นครั้งเเรกในปี 2006 ถึงปี 2011 ทั้งหมด 36 ตอน ใน 7 ซีซั่น เเละเเน่นอนรายการดังกล่าวได้สร้างรายได้ให้กับเเบร์ กริล อย่างมหาศาล โดยคาดว่าเขาได้รับค่าจ้างจากการทำสารคดีนี้ตอนละ 2.4 ล้านบ้าน นี่ยังไม่มัดรวมกับค่าลิขสิทธิ์จากการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเขาราว 13-22% ทำให้ปัจจุบันเขามีรายได้สะสมมากถึง 662 ล้านบาท
ระยะหลังมานี้ เเบร์ กริล ดูเหมือนว่าเขาพยายามฝึกฝนลูกชายอย่างหนักเพื่อให้เจริญรอยตามเขา โดยตัวเขาเองไม่สนหน้าสิ่วหน้าขวานอะไรทั้งสิ้น ครั้งหนึ่งเขาเคยเจสซี่ ในวัย 11 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายคนโต โดยเขานำตัวเจสซี่ไปปล่อยทิ้งไว้บนเกาะทางตอนเหนือของรัฐเวลส์ เหตุการณ์ในครั้งนี้เกือบทำให้ลูกของเขาตกอยู่ในสภาวะอันตรายเเละอาจนำไปสู่การสูญเสียได้ อันเนื่องมาจากในอาณาบริเวณดังกล่าวมีกระเเสน้ำกำลังเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ จนกระทั่งหน่วยกูชีพทางทะเลอย่าง RNLI ต้องออกไปช่วยเหลือในทันที เรื่องดังกล่าวส่งผลให้เเบร์ กริล โดนตำหนิจนหน้าชาเลยทีเดียว
ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.today.com/popculture/discovery-terminates-relationship-man-vs-wilds-bear-grylls-425575