หญืงสาวที่ตั้งท้องต้องเดินทางหลบหนีการตามล่าของเหล่าแอนดรอยด์
จากวันที่เรารู้จักใช้ไฟ ทำให้เวลาในการย่อยอาหารนั้นลดลง มนุษยชาติก็เริ่มจะพัฒนาตัวเองได้ไวจนในปัจจุบัน เราคาดหวังถึงอนาคตกันแล้วว่า อีกไม่นาน เราจะมีหุ่นยนต์คอยรับใช้ประจำบ้านและสถานที่ต่างๆ แต่ก็เช่นกัน มีนิยายหลายต่อหลายเรื่อง ภาพยนตร์มากมายที่กำลังบอกเล่าถึงภัยที่อาจมาถึงตัวเราถ้าไม่ระวังตัว หุ่นแอนดรอยด์รับใช้อาจกลายเป็นภัยคุกคามอย่างคาดไม่ถึง Mother/Android ก็คือหนึ่งในนั้น
เรื่องราวในหนังเรื่องนี้อาจเป็นอุทธาหรณ์และสิ่งย้ำเตือนถึงอนาคตอันใกล้ เมื่อมนุษย์คิดค้นและพัฒนาเอไอให้หุ่นแอนดรอยด์คิดได้ใกล้เคียงมนุษย์ และพวกมันอาจลุกขึ้นมาปฏิวัติฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในสักวันหนึ่ง และกลายเป็นพวกเรานี่เองที่ต้องกระเสือกกระสนหนีตาย และเด็กเกิดใหม่คงเหลือน้อยนิด จนวันหนึ่ง ก็อาจสูญสิ้นเผ่าพันธุ์
เรื่องย่อหนัง Mother/Android
จี หรือ จอร์เจีย (Chloë Grace Moretz จากหนังเรื่อง Shadow in the Cloud และ Tom & Jerry) คือหญิงสาวที่คบหาอยู่กับ แซม (Algee Smith จากหนังเรื่อง Judas and the Black Messiah และซีรีส์เรื่อง Euphoria) ในโลกที่มนุษย์มีแอนดรอยด์รับใช้หน้าตาเหมือนมนุษย์และตอบโต้ได้แทบไม่ต่างกับมนุษย์ ทั้งสองยังไม่ได้ตกลงปลงใจจะคบหากันจริงจังแต่ก็พบว่าจีตั้งท้องลูกของแซมเรียบร้อยแล้ว และในวันนั้นเอง
ที่จู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบไฟฟ้าเกิดรวน แล้วหุ่นแอนดรอยด์ก็เริ่มอาละวาด
เมื่อหนีรอดออกมาได้ พวกเขาทั้งสองต่างก็พยายามเอาตัวรอดในป่าที่ห่างไกลผู้คน แต่ยิ่งนานวัน ท้องของจีก็เริ่มแก่และใกล้คลอดเข้ามาทุกที พวกเขาจำเป็นต้องเดินทางยังบอสตัน แต่ระหว่างทางนั้น พวกเขาต้องพบเจออะไรมากมาย ทั้งกองทหาร และเหล่าแอนดรอยด์ที่ดักซุ่มรออยู่
คงต้องติดตามกันแล้วล่ะ ว่าจอร์เจียจะเป็นแม่ได้สำเร็จสมใจหวังหรือไม่
รีวิวหนัง Mother/Android
ผลงานจากผู้กำกับอย่าง Mattson Tomlin นั้น อาจไม่เป็นที่คุ้นตาคนไทย ผลงานของเขาส่วนใหญ่เป็นหนังสั้น ยามโปรโมตจึงใช้คำโปรยว่าเป็นหนังจากทีมโปรดิวเซอร์เดียวกับ The Batman แต่กระนั้นก็ถือเป็นการชิมลางสร้างหนังยาวขนาดใหญ่กว่าที่เคย
อย่างน้อยมีตัวเอกฝ่ายหญิงเป็น Chloë Grace Moretz ที่ผู้คนรู้จักกันทั่วโลก ร่วมกับตัวเอกฝ่ายชายที่รับบทโดย Algee Smith ที่อาจไม่คุ้นหน้าสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็ในหมู่นักดูหนัง หน้าของเขาก็เริ่มเป็นที่คุ้นเคยบ้างแล้ว เสริมทัพด้วย Raúl Castillo ที่เคยอยู่ในหนังอย่าง Wrath of Man, Knives Out, We the Animals และซีรีส์อย่าง Atypical ที่เหลือก็เป็นบทเล็กบทน้อยที่ผ่านมาแล้วก็ไป
หนังค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวละครหลักอย่าง จอร์เจีย และ แซม สองหนุ่มสาวที่เคยอยู่ในเมือง กับชีวิตที่ดูสุขสบาย มีแอนดรอยด์คอยรับใช้ แต่พอเกิดเหตุคืนนั้น ทั้งสองก็ต้องระหกระเหินเดินป่าอยู่หลายเดือน ทำตัวให้เงียบที่สุด ให้หลุดพ้นและรอดชีวิตจากเหล่าแอนดรอยด์ เพื่อจะไปยังพื้นที่ที่จะเลี้ยงดูลูกน้อยอย่างปลอดภัย
มันเป็นหนังเอาตัวรอดในรูปแบบหนึ่งที่มีทั้งช่วงเวลาลุ้นระทึก การหลบหนีการถูกตามไล่ล่า และช่วงเวลาของการพูดคุยสนทนา หนังจึงมีความสนุก ลุ้น ตื่นเต้น สลับกับช่วงเวลาที่แผ่วลงไป
ในด้านแสดงนั้น คงไม่อาจหลับหูหลับตา ทำเป็นไม่ชื่นชมในความสามารถในการแสดงของโคลอี้ไปได้ แต่ทว่า ช่วงเวลาของการสนทนา ค่อนข้างราบเรียบและใช้เวลานานเกินไป ยิ่งมนุษย์แต่ละคนต้องกระซิบกระซาบกันแล้ว ยิ่งทำให้หนังยิ่งเงียบ [แถมทีวีสมัยนี้ เสียงคุยเบากว่าเสียงดนตรีประกอบ บรรยากาศในการดูในบ้านจึงต่างกับโรงหนังอย่างสิ้นเชิง] พอสลับมาลุ้นไล่ล่า ก็พบว่า บางฉากมันดูไม่สมเหตุสมผลจนชวนกังขา ทีแรก คุยกันว่าจะไปอย่างเงียบๆ เอาจริง กลับเล่นตึงตังจนถูกไล่ล่า อีกอย่างคือ หญิงท้องแก่แต่ต้องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่บิดซิ่งอย่างไวในป่า อะไรแบบนี้
ความไม่สมเหตุผลของหนังนั้นปรากฏอยู่ทั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็น จอร์เจียกลายเป็นสาวที่ขี้เหวี่ยงขี้วีนอยู่ตลอด ทุกเช้าเธอจะต้องสะดุ้งตื่น เธอเลือกจะเก็บลูกไว้ทั้งที่ยังไม่แน่ใจในผู้ชายคนนี้ มุ่งมั่นเดินป่าทั้งที่ท้องแก่ใกล้คลอด ฝนตกหนักก็ยังคงลุยไม่สนสุขภาพ ตั้งความหวังจะไปเกาหลีทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าที่นั่นปลอดภัยจริงๆ หรือเปล่า และ บลา บลา บลา
เมื่อดูจากโปรดักชันก็อาจมองเห็นถึงความประหยัดทุนที่ชัดเจน ฉากต่อสู้ที่ดูไม่มีอะไรนัก แถมยังมีน้อยกว่าที่ควรด้วย กลายเป็นว่า หนังทำได้เพียงให้เราดูการแสดงของน้องโคลอี้กันไปเพลินๆ
เท่าที่รู้สึก หนังมีพล็อตทวิสต์อยู่หนนึง ซึ่งก็ทำให้ประหลาดใจได้พอตัว และก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น บทลงเอยของหนังก็กลับดูยืดยาว เรื่องราวที่ดูไม่น่าสนใจ กลายเป็นหนังที่ดูเอาเพียงผ่าน