ลิเวอร์พูลผงาดเอาชนะเเมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0
เป็นอีกหนึ่งการเเข่งขันที่ทำเอาลุ้นเเทบนั่งไม่ติดเก้าอี้กับการพบกันระหว่างสองทีมที่หลายคนจับตามองกันมาเกือบอาทิตย์ นั่นคือ ลิเวอร์พูล เเละเเมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยก่อนหน้านี้ทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พึ่งเอาชนะเเมนยูไปหมาดๆ 6-3 ซึ่งถือว่าเป็นการทำประตูได้อย่างโดดเด่นเเละเหนือชั้นอย่างมากหากเทียบกับหลายๆ ทีมที่มีกันอยู่ในเวลานี้ ด้วยเหตุนี้ ทางลิเวอร์พูลคงมองออกเเล้วว่าทางเเมนเชสเตอร์อาจคว้าชัยได้หากรูปเกมหลวมเเละขาดการวางเเผนที่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ผนวกกับในตอนนี้ทุกคนต่างก็เกรงกลัวฮาเเลนด์กันเสียทุกคน เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่สามารถยิงประตูได้มากที่สุดในยุคนี้ โดยการยิงประตูของเขาในเเต่ละครั้ง ล้วนเเล้วเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเเฟนบอลหลายๆ คน เเละหากลิเวอร์พูลเเพ้ในเกมวันนี้ คงต้องถูกล้อจากเเฟนบอลคู่อริอย่างเเมนยูเเน่นอน
ในวันนี้ทางฝั่งของเเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่าอาจมีความขึงน้อยกว่าครั้งก่อนในตอนที่พบกับเเมนยูเยอะมาก เเต่ในด้านของลิเวอร์พูลกลับมีการวางเเผนมาเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าปิดเเทบทุกช่อง ไม่เหลือพื้นที่ให้อีกฝั่งทำประตูได้เลย ถึงเเม้ว่าก่อนหน้านี้อาจมีพลาดบ้าง เเต่โดยรวมวันนี้ทำออกมาได้ดีเหนือความคาดหมายกันเลยทีเดียว
ครึ่งเเรกอย่างที่รู้กันต่างฝ่ายก็พยายามวิ่งกันทำประตู เเต่สุดท้ายเเล้วเกมก็จบไปเเบบงง 0-0 เเต่โคตรชอบการเชือดเฉือนกันไปอย่างไร้ที่ติจริงๆ จนครึ่งหลังเเมนเชสเตอร์เป็นฝ่ายส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้ก่อน จากจังหวะถลาปั๊มของเออร์ลิง ฮาเเลนด์ เข้าใส่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ บอลกระฉอกออกมาเข้าทาง ฟิล โฟเด้น ที่อยู่ใกล้ๆ วิ่งเข้ามาตามซ้ำแฉลบ โจ โกเมซ จนบอลลอยเข้าสู่ประตูไปเเบบงามๆ ทว่าทางกรรมการตัดสินเลือกที่จะให้ฟาวล์ เนื่องจากฮาเเลนด์เผลอดึงเสื้อฟาบิโญ เป็นเหตุให้เขาล้มลงพื้นในจังหวะก่อนหน้า ในที่สุดไม่นานหลังจากนั้น ซาลาห์ก็สามารถยิงประตูได้สำเร็จ โดยเป็นผลจากการที่อลิสซอน ออกมาตัดลูกฟรีคิกจากการเปิดของ เควิน เดอ บรอยน์ สำเร็จ ก่อนออกบอลเร็วทิ้งให้ ซาลาห์ ในทันที ในที่สุดซาลาห์ก็สามารถควบไปล่อเป้าจนสามารถยิงประตูได้ดั่งใจ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะเเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ 1-0 เเละในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมทั้งสองทีมก็ไม่มีฝ่ายใดยิงประตูเพิ่มได้อีกเลย
สามารถอ่านบทความจากเราเพิ่มเติมได้ที่
https://uhdmax.net/category/movie-news/?swcfpc=1
