slider2
slider2
previous arrow
next arrow
When Life Gives You Tangerines เล่าเรื่องราวที่จะทำให้หัวใจคุณทั้งเบิกบานและปวดร้าวในเวลาเดียวกัน

When Life Gives You Tangerines เล่าเรื่องราวที่จะทำให้หัวใจคุณทั้งเบิกบานและปวดร้าวในเวลาเดียวกัน

Netflix ปล่อยของอีกแล้วกับ When Life Gives You Tangerines ซีรีส์เกาหลีที่ทำให้คนดูจมดิ่งไปกับเรื่องราวแห่งความฝัน ความรัก และช่วงเวลาของชีวิตที่ไม่อาจย้อนคืน หากคุณเป็นแฟนซีรีส์แนวดราม่าที่มีกลิ่นอายของอดีตที่ แฝงไปด้วยความอบอุ่นและความเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน เรื่องนี้จะกลายเป็นซีรีส์ที่คุณไม่มีวันลืม

When Life Gives You Tangerines

ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสองยุคสมัยที่ขนานกันไประหว่างปี 1960s และ 1990s ตัวละครเอก คือ แอซอน หญิงสาวที่เกิดผิดยุค เธอมีหัวใจที่อยากโบยบิน อยากเป็นกวี อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่เธอกลับต้องเผชิญกับโลกที่ไม่ได้เปิดกว้างให้เธอขนาดนั้น และอีกฟากหนึ่งของเส้นเรื่อง เราจะได้เห็นชีวิตของลูกสาวของเธอ ผู้ที่ต้องรับรู้และแบกรับอดีตที่แม่ของเธอเคยผ่านมาก่อน

ความพิเศษ คือ บทบาททั้งสองตัวละครนี้ได้รับการถ่ายทอดโดยนักแสดงคนเดียวกัน นั่นคือ อีจีอึน (ไอยู) ซึ่งต้องเล่นเป็นทั้งแม่และลูกสาวในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่กลับมีเส้นขนานของชีวิตที่คล้ายคลึงกันจนทำให้คนดูอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า “เรากำหนดชีวิตของตัวเองได้จริงหรือ ?”

นอกจาก ไอยู แล้ว พัคโบกอม ก็มารับบทเป็น กวานซิก ชายหนุ่มที่แอบรักแอซอนมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับทำได้แค่เป็นเพื่อนที่เฝ้ามองเธอจากระยะไกล ไม่ว่าเธอจะไปทางไหน เขาก็พร้อมเดินตามเธอเสมอ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ว่าบางสิ่งบางอย่างอาจไม่มีวันเป็นไปได้ ซึ่งความรักในเรื่องนี้ไม่ได้มาในรูปแบบของ “พระเอกนางเอกที่ต้องคู่กัน” แต่เป็นความรักที่เต็มไปด้วยความเสียสละ ความอดทน และบางครั้ง ก็เป็นรักที่ไม่อาจเอื้อมถึง

สิ่งที่ทำให้ When Life Gives You Tangerines โดดเด่น ไม่ใช่แค่เรื่องของบทที่ลึกซึ้งเท่านั้น แต่ยังรวมถึง การเล่าเรื่องที่ใช้โครงสร้างแบบ 2 เส้นเวลา ตัดสลับกันระหว่างอดีตและปัจจุบัน ทำให้เห็นว่าแม้เวลาจะผ่านไป แต่บางอย่างในชีวิตคนก็ยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าท้องฟ้าจะเปลี่ยนไป แต่หัวใจของใครบางคนอาจยังติดอยู่ที่เดิม ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนซีรีส์แบบดราม่าจัด ๆ หรือแค่กำลังมองหาซีรีส์ที่ดูแล้วให้ความรู้สึก nostalgic (ความคิดถึงอดีต) เรื่องนี้จะพาคุณเดินทางผ่านช่วงเวลาที่งดงามและแสนเจ็บปวดไปพร้อม ๆ กัน

ฉากหลังของเรื่องถ่ายทำที่ เกาะเชจู ซึ่งให้บรรยากาศที่ทั้งสวยงามและเปลี่ยวเหงาไปในเวลาเดียวกัน เราจะได้เห็นทิวทัศน์ของสวนส้ม บ้านหลังเก่า และวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตที่เเสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัดของชีวิต ซึ่งฉากต่าง ๆ ในเรื่องช่วยเสริมอารมณ์ของตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม บางครั้งแค่เห็นท้องฟ้าสีเทาก็รู้สึกถึงความเศร้าได้โดยไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ

สิ่งที่ทำให้ซีรีส์นี้แตกต่างจากซีรีส์รักทั่ว ๆ ไป คือ “มันไม่ได้เล่าแค่เรื่องความรัก” แต่ยังพูดถึงเรื่องของครอบครัว ความฝันที่ถูกทำลายไปตามกาลเวลา และการเสียสละที่ไม่มีใครรับรู้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกสาว ที่ถึงแม้จะรักกันมากแค่ไหน แต่ก็มีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจกันได้ง่าย ๆ คนดูจะได้เห็นว่าสิ่งที่แม่เลือกในอดีต ส่งผลต่อชีวิตของลูกสาวในปัจจุบันอย่างไร และการตัดสินใจของคนรุ่นหนึ่ง อาจกลายเป็นกรงขังให้กับคนอีกรุ่นหนึ่ง

นอกจากเนื้อเรื่องที่กินใจแล้ว การแสดงของ ไอยู ในเรื่องนี้ถือเป็นระดับมาสเตอร์พีซ เธอสามารถแสดงความแตกต่างระหว่างสองตัวละครแม่ลูกได้อย่างแนบเนียน จนบางครั้งเราลืมไปเลยว่าคือคนเดียวกัน ส่วนพัคโบกอมก็มอบการแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง แค่แววตาของเขาก็สามารถทำให้คนดูรู้สึกถึงความรัก ความหวัง และความผิดหวังไปพร้อมกัน

อีกทั้งการปล่อยจำนวนตอนของซีรีส์นี้ก็น่าสนใจ เพราะ Netflix เลือกใช้วิธีการฉายแบบแบ่งเป็น 4 พาร์ท โดยแต่ละพาร์ทมี 4 ตอน และปล่อยทุกวันศุกร์ในเดือนมีนาคม วิธีนี้ทำให้ผู้ชมมีเวลาซึมซับเรื่องราวและรอคอยอย่างมีอารมณ์ร่วมทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยรักษากระแสของซีรีส์ได้เป็นอย่างดี

แล้วคำถามสำคัญ คือ ตอนจบจะเศร้าหรือไม่ ? หลายคนที่เคยเจ็บปวดจาก Twenty-Five, Twenty-One อาจกังวลว่านี่จะเป็นอีกเรื่องที่ทำให้หัวใจแหลกสลาย แต่ข่าวดี คือ ซีรีส์นี้ได้รับการยืนยันแล้วว่า ‘ตัวละครหลักแต่งงานกัน’ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับคนที่ต้องการตอนจบแบบแฮปปี้ แต่ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่เรื่องของการแต่งงาน เเต่ยังมีเรื่องการเปลี่ยนแปลง การสูญเสีย และบทเรียนชีวิตที่ต้องเรียนรู้ ใครที่เคยดู Pachinko อาจพอเดาได้ว่าเรื่องราวจะพาเราไปเจอกับอะไร ?

ทั้งนี้ When Life Gives You Tangerines อาจเป็นซีรีส์ที่พาคุณย้อนกลับไปสู่เสน่ห์ดั้งเดิมของ K-Drama ยุคก่อน ที่เล่าเรื่องแบบเรียบง่ายแต่กินใจ ไม่ได้พยายามเป็นซีรีส์ฟอร์มใหญ่หรือเอาใจตลาดตะวันตกจนเกินไป มันเป็นเรื่องราวที่เรียล มีทั้งความสุข ความทุกข์ และความเจ็บปวดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของชีวิต

ดังนั้น ถ้าคุณเป็นแฟนของซีรีส์อย่าง Reply 1988, Twenty-Five, Twenty-One หรือ When The Camellia Blooms นี่คือซีรีส์ที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด

สำหรับคะแนนของซีรีส์เรื่องนี้ ถ้าจะให้เต็ม 10 ก็กลัวจะหาว่าอวยเกินไป แต่ 9.5/10 ถือว่าเหมาะสมที่สุด หัก 0.5 คะแนนเพราะมันทำให้คนดูร้องไห้เยอะไปหน่อย (แต่ก็ยังโคตรชอบอยู่ดี)

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>