slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิวซีรีส์ Karma (2025) เมื่อการแก้แค้นกลายเป็นความซ้ำซากในซีรีส์ระทึกขวัญ

รีวิวซีรีส์ Karma (2025) เมื่อการแก้แค้นกลายเป็นความซ้ำซากในซีรีส์ระทึกขวัญ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา K-Drama กลายเป็นความบันเทิงที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ในปีนี้ Karma ซีรีส์ระทึกขวัญที่มีทั้งหมด 6 ตอน กลับทำให้ผู้ชมตั้งคำถามถึงทิศทางของวงการนี้จริง ๆ ว่าเรากำลังหันไปเน้นจำนวนมากกว่าคุณภาพใน K-Drama หรือไม่ ?

ในขณะที่ซีรีส์หลายๆ เรื่องมาจากการดัดแปลงจาก Webtoon หรือการ์ตูนกราฟิกที่เคยให้ความรู้สึกสดใหม่และตื่นเต้น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นการปล่อยซีรีส์ที่มีรูปแบบคล้าย ๆ กันทุกเดือนจนเกินไป

Karma เล่าเรื่องราวของตัวละคร 6 คน ที่ชีวิตของพวกเขามาบรรจบกันผ่านเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างรุนแรง ที่จุดเริ่มต้นของเรื่องมี ดร.จูยอน (รับบทโดย ชินมินอา) แพทย์สาวที่ต้องเผชิญกับความทรงจำอันเจ็บปวดจากอดีต เมื่อเธอได้พบกับผู้กระทำความผิดจากเหตุการณ์ในวัยเด็กที่เธอต้องเผชิญ แต่จะเป็นการแก้แค้นหรือยอมให้มันผ่านไปต้องติดตามกันในซีรีส์ ? ในขณะเดียวกันยังมีชายอีกคนที่ต้องการเงินเพื่อนำไปใช้หนี้และตัดสินใจเลือกทางที่ผิดเพื่อลงมือทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะนำพาไปสู่การขยายของปัญหามากมาย

การเล่าเรื่องใน Karma ใช้โครงสร้างการเล่าเรื่องที่ไม่เป็นเชิงเส้น ซึ่งทำให้เรื่องราวค่อย ๆ เปิดเผยตัวละครและความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาทีละชั้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นในตอนแรก แต่บอกได้เลยว่าความตึงเครียดนั้นลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเนื้อหาค่อย ๆ ซับซ้อนจนเกินไปในแต่ละตอน

ถึงแม้ว่าในตอนแรกหลายคนอาจคิดว่า ชินมินอา จะเป็นตัวเอกของเรื่อง แต่ในความจริงเเล้วเธอปรากฏตัวแค่เพียงไม่กี่ตอนเท่านั้น และตัวละครที่กลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องคงต้องยกให้ มกกยอกนัม (รับบทโดย พัคแฮซู) ซึ่งเขาแสดงได้อย่างมีอิทธิพลในบทตัวร้ายที่คุณอยากจะตบหน้าเขาให้จบเสียที แต่ทว่าในบทบาทนี้เขากลับแสดงออกในลักษณะที่ดูซ้ำซากเกินไปกับบทตัวร้ายใน K-Drama หลาย ๆ เรื่อง

สิ่งที่น่าหงุดหงิดอย่างหนึ่งคือการที่ Karma มักจะใช้พล็อตเดิม ๆ เรื่องการยืมเงินและการใช้มันเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเรื่องราว ซึ่งก็ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่สามารถสร้างความตื่นเต้นที่สดใหม่ได้ ซึ่งความพยายามในการสร้างความท้าทายให้กับตัวละครดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่แค่ซ้ำซากเมื่อเวลาผ่านไป

นอกจากนี้ ยังมีการใช้สีในการถ่ายทำที่ทำให้การรับชมในช่วงกลางวันยากขึ้น บางครั้งอาจทำให้คุณพลาดรายละเอียดบางอย่างที่เกิดขึ้นในซีรีส์นี้ ซึ่งเป็นจุดบอดที่น่าเสียดายสำหรับซีรีส์แนวนี้

อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย Karma ก็สามารถดึงดูดให้คุณติดตามต่อไปได้ ด้วยการเปิดเผยส่วนต่าง ๆ ของตัวละครที่ซับซ้อนและความเกี่ยวข้องที่ลึกซึ้งขึ้นในตอนท้าย แม้ว่าคุณจะเริ่มเข้าใจลำดับเหตุการณ์ในก่อนหน้าได้ แต่การสรุปสุดท้ายกลับทิ้งความประหลาดใจให้กับผู้ชม แม้ว่าในขณะเดียวกันคุณอาจไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครไหนเลย เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดมีลักษณะที่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่นัก

โดยรวมแล้ว Karma เป็นซีรีส์ที่ถ้าคุณชื่นชอบความระทึกขวัญและการแก้แค้น คุณอาจจะสนุกกับมันได้ แต่สำหรับผู้ที่คาดหวังความสมจริงและความตึงเครียด ก็อาจจะต้องคิดใหม่

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>