slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิว Bad Genius (2024) มหากาพย์แห่งการโกงที่มีการเมืองซ่อนอยู่

รีวิว Bad Genius (2024) มหากาพย์แห่งการโกงที่มีการเมืองซ่อนอยู่

ถ้าจะให้พูดถึง Bad Genius เวอร์ชันรีเมคที่เข้าฉายในปี 2024 ก็ต้องบอกเลยว่า ความคิดแรกของเรา คือ “โอเค… น่าจะเป็นเรื่องที่มีอะไรดี ๆ ซ่อนอยู่” เพราะเวอร์ชันต้นฉบับไทยในปี 2017 มันเด็ดจริง ๆ จนโดนใจคนดูทั่วโลก แต่พอได้มานั่งดูเวอร์ชันใหม่ (ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเรื่องราวของชาวอเมริกัน) มันก็มีบางอย่างที่ต้องคิด แล้วก็มีบางอย่างที่แอบขำเบา ๆ นะเอาจริง ๆ

รีวิว Bad Genius

เรื่องราวเริ่มจาก ลินน์ (คาลินา เหลียง) นักเรียนที่เป็นตัวแทนของความสมบูรณ์แบบในโรงเรียนไฮสคูลที่มีชื่อเสียง เธอเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีเยี่ยม แถมยังเป็นนักเรียนทุนด้วย แต่… บังเอิญเธอไปเยี่ยมบ้านเพื่อนร่วมชั้นที่ร่ำรวยสุด ๆ แล้วพบว่าเพื่อน ๆ ของเธอและพ่อแม่ของเพื่อนต้องการให้ ลินน์ ช่วยลูกชายของพวกเขาได้เข้าเรียนที่โคลัมเบีย

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่การช่วยแบบธรรมดา แต่ต้องไปไกลถึงการ ‘โกง’ ให้ได้ ทำไม ? เพราะพวกเขาคิดว่าการโกง คือ วิธีเดียวที่จะทำให้ลูกของพวกเขาได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้

และมันก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนากลุ่มโกงข้อสอบระดับชาติหรือที่ในภาพยนตร์เรียกว่า ‘Bad Genius’ คือ จะให้พูดแบบตรง ๆ ก็เหมือนกับการเริ่มต้นธุรกิจโกงข้อสอบในระดับโลกเลยนะ

เพื่อน ๆ น่ะ ถ้าจะบอกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มันมีการผสมผสานการเมืองเรื่องเชื้อชาติและการศึกษาเข้าด้วยกัน ดูเหมือนจะมีประเด็นหนัก ๆ มากมาย แต่ในบางช่วงก็เหมือนมีอะไรที่พยายามจะบอกว่าระบบมันโกงอย่างหนัก แต่การบอกว่าระบบมันผิดและไม่ยุติธรรมก็ยังคงใช้วิธีการบรรยายแบบเนิบ ๆ อยู่ค่ะ

ประเด็นการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติและระบบการศึกษาในสหรัฐฯ ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ขัดใจหน่อย คือ การที่ภาพยนตร์หลีกเลี่ยงการพูดถึงคำว่า ‘คนผิวขาว’ อย่างตรงไปตรงมา ทั้งที่มันคือประเด็นหลักของเรื่อง

อืม… หรือว่าจะเอาไว้ให้คนดูคิดเอาเองดี ? ซึ่งตรงนี้น่ะ บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันขาดอะไรไปหน่อยนะ คิดจะทำให้เป็นประเด็นใหญ่แล้วกลับไม่พูดถึงอย่างที่มันควรจะเป็นเนี้ยนะ ? ชักสงสัยละ

ส่วนตัวนักแสดงในเรื่องนี้ เราต้องขอชื่นชม เบเนดิกต์ หว่อง ที่แสดงเป็นพ่อของ ลินน์ ค่ะ บอกเลยว่าคุณพ่อมาแรงสุด ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีบทเยอะมาก แต่ก็คือทำให้เราเห็นถึงความเป็นนักแสดงที่สามารถโชว์ความสามารถได้ดีมาก ส่วนคนอื่น ๆ ก็ถือว่าโอเคนะ แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจอะไรขนาดนั้น อาจจะยังขาดความพีคที่ควรจะมี

ถ้าจะให้พูดถึงความสนุกของเรื่องนี้ในภาพรวม ถามจริง ๆ ว่ามันสนุกไหม ? ก็สนุกนะ แต่มันไม่ถึงขนาดจะทำให้คุณลุกจากเก้าอี้เเล้วตะโกนว่า “โอ้โหหห มันส์สุด ๆ ไปเลย” การสร้างความตื่นเต้นในช่วงที่เป็นฉากการโกงก็มีบ้าง แต่ต้องบอกว่า เวอร์ชันนี้ไม่สามารถเทียบเคียงกับต้นฉบับไทยได้เลยนะ

ซึ่งฉากหนีที่มันคึกคักในต้นฉบับกลับดูดรอปไปเยอะในเวอร์ชันนี้ค่ะ มันยังคงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวัยรุ่น แต่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นภาพยนตร์วัยรุ่นที่ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกถึงการลุ้นระทึกเหมือนตอนแรก ๆ เลยเเม้เเต่นิด

ดังนั้น ถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะพยายามจะสะท้อนความไม่ยุติธรรมในระบบการศึกษาด้วยวิธีการโกงข้อสอบ แต่ท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นเพียงแค่ภาพยนตร์วัยรุ่นที่แอบมีการเมืองและการโกงแฝงอยู่มากกว่า ทำให้บทสรุปของ Bad Genius เวอร์ชันนี้ไม่ค่อยตรงตามความคาดหวังเท่าไหร่

Bad Genius : 6️⃣ / 🔟 ค่ะ จะบอกว่าคือสนุกนะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่ามันพีคจนต้องยกย่อง

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>