รีวิว Squid Game 3 มันส์จนเลือดเดือด! ผู้รอดชีวิตและความท้าทายในเกมที่ทวีความโหดร้าย

หากคุณยังจำความรู้สึกตอนดู Squid Game ซีซั่นแรกได้ นั่นแหละ ซีซั่นนี้มันกลับมาแบบโคตรดาร์ก กีฮุน (รับบทโดย อีจองแจ) ที่เคยเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่มีหนี้ท่วมตัว กลับต้องมาติดอยู่ในเกมโหดที่มีแต่ความตาย แถมยังต้องเล่นต่อไปเพราะการก่อกบฏไม่สำเร็จ

ซึ่งถ้าใครคิดว่า Squid Game ซีซั่น 1-2 มันส์สุดแล้วล่ะก็ … บอกเลยว่า ซีซั่น 3 นี้มันส์ยิ่งกว่า ความเหี้ยมโหด ความตึงเครียดมันกระชากหัวใจจริง ๆ แล้วทำให้เราติดจอแบบไม่สามารถหยุดดูได้เลย กีฮุน ในซีซั่นนี้ยังคงเป็นตัวละครที่ทำให้เราคลั่งรักและการเดินหน้าของเขายังทำให้เราเห็นว่ามันไม่ใช่แค่เกม แต่คือการเอาชีวิตรอดต่างหาก

อย่าเพิ่งคิดว่าเรื่องนี้จะซ้ำกับซีซั่นก่อน ๆ นะ ซีซั่นนี้มันป่วนกว่าเดิม เกมแต่ละรอบยิ่งหนักหน่วงขึ้น ความตายและการทรมานมาแบบไม่หยุดหย่อน เราจะเห็นตัวละครเดิม ๆ ที่บางตัวทำให้เราหลงรัก บางตัวก็ทำให้เราอยากตบหน้า แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องเล่นตามเกมที่ถูกกำหนดไว้เเล้ว

ส่วนเรื่อง ‘ฟรอนต์แมน’ ก็ยังเป็นความขัดแย้งที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะการที่เขาเกลียด กีฮุน แต่ก็ยังมีความรู้สึกบางอย่างกับเขา ซึ่งมันทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความลึกและน่าติดตามสุด ๆ

ในเเง่หนึ่ง Squid Game มันไม่ใช่แค่การกลับมาเล่นเกมส์สมัยเด็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลกนะ แต่จริง ๆ มันคือการกรีดเลือดออกจากหัวใจเรา ไม่ใช่แค่เลือดของตัวละคร แต่มันคือการสะท้อนสังคมที่ชักเย่อชีวิตของเราไว้ในมือของเงินและอำนาจ

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่ดิบเถื่อน มันกระชากจิตใจเราลงไปในหลุมลึกของความไร้ซึ่งคุณค่าที่แท้จริงของมนุษย์ การต่อสู้เพื่อชีวิตที่เราก็ไม่ได้เห็นว่ามันมีความหมายอะไรในเมื่อเราทุกคนต่างก็มองกันที่ ‘เงิน’ ทุกคนก็แค่ทุนนิยมในเวอร์ชันที่โหดร้ายสุดขีดเเค่นั้น

อย่าง กีฮุน ที่รอดจากเกมในซีซันก่อน ๆ กลับมาลงสนามเกมสุดโหดอีกครั้ง พร้อมกับเหล่าตัวละครเดิมที่ทุกคนล้วนมีแรงจูงใจเป็นเงินจนแทบจะบ้าคลั่ง แน่นอนว่าอารมณ์ของตัวละครถูกบีบให้ต้องเลือกระหว่างชีวิตกับเงินก้อนโตที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก ‘ฆ่า’ หรือลงมือเพื่อให้ได้มา

แต่อะไรคือจุดที่เราจะต้องตะโกนออกมาว่า ไอ้ความเหี้ยของโลกนี้มันอยู่ที่ไหน ?

ในขณะที่ Squid Game ยังเต็มไปด้วยความบ้าเลือดแบบสุดขีด ทุกเกมที่เล่นคือความลุ้นระทึกที่นั่งไม่ติดขอบเก้าอี้จริง ๆ แต่มันไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นและสยดสยองที่เราเห็น แต่เรากลับได้เห็นความจริงของสังคมที่มันคืบคลานเข้ามาในชีวิตเราทีละนิด ๆ ทีละหน่อย บางทีการที่คนในเกมต้องฆ่ากันมันก็เหมือนกับเราในโลกที่แท้จริงที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อเงิน

สังคมเรามันถูกขับเคลื่อนด้วยการต่อสู้เพื่อเงินทอง ไม่มีใครถามหาคุณค่าของชีวิตหรืออะไรที่เป็นคุณค่าที่แท้จริงหรอก (มันอาจเป็นเรื่องน้ำเน่าในความคิดของคนยุคนี้ก็เป็นได้)

แต่สิ่งที่แย่กว่า คือ คนที่มีเงิน มักจะมองโลกนี้เป็นเหมือนเกมส์ที่จะควบคุมทุกอย่างและคนที่ไม่มีเงินนั้นก็ต้องดิ้นรนไปในโลกที่เต็มไปด้วยการโกง การตัดสินใจที่ทำให้เรากลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวในเกมส์ใหญ่ที่ควบคุมโดยผู้มีอำนาจ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้แค่ถามเราว่า เราทำทุกอย่างเพื่ออะไร ? แต่ยังถามด้วยว่า ชีวิตเรามีค่าหรือเปล่าเมื่อเราต้องแลกมันด้วยเงิน ?

ดังนั้น Squid Game มันจึงสะท้อนภาพลักษณ์ของสังคมที่โหดร้ายสุด ๆ เราถูกข่มขู่ด้วยการตัดสินใจที่ไม่ว่าจะทำไปทางไหนก็ต้องเจ็บปวด

– เราจะเอาชีวิตรอดแบบไม่ต้องบังคับตัวเองให้ผิดศีลธรรมหรือเปล่า ?

– เราจะยังคงรักตัวเองได้หรือไม่เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันคือการแข่งขันที่มีกฎเป็นเงิน ?

– คุณคิดว่าความยุติธรรมมีอยู่จริงไหม ?

เอาจริงๆ มันคือนิยามที่หลอกลวงอยู่ในสังคมนี้ ทุกคนที่มีเงินก็คือผู้ชนะ ทุกคนที่ยอมฆ่า คือ ผู้ที่มีอำนาจในเกมที่ทารุณที่สุด

ซีรีส์มันเหมือนกับการตั้งคำถามต่อระบบทุนนิยมที่กระตุ้นให้คนเราเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันไม่ได้สนใจว่าคุณจะเป็นใคร ? คุณจะต้องทำอะไรเพื่อให้ได้เงินและคุณค่าของตัวเองจะถูกประเมินจากมันทั้งนั้น ไม่มีการตัดสินใจที่สะอาดสะอ้านในเกมนี้ เพียงแค่คุณตัดสินใจฆ่าหรือถูกฆ่า แค่นั้นเลย

ท้ายที่สุด Squid Game ไม่ใช่เเค่ซีรีส์ที่ถ่ายทอดความดิบเถื่อนของตัวละคร แต่มันคือการตั้งคำถามกับเราในฐานะสังคมที่ต้องพยายามหาคุณค่าในชีวิตจากโลกภายนอก เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันสามารถวัดกันด้วยเงิน การตัดสินใจในเกมนี้จึงเป็นเหมือนการบังคับให้เราต้องเลือกว่าคุณจะยอมขายวิญญาณเพื่ออะไร ?

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>