slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิว The Last Full Measure การเสียสละที่ลืมเลือน! เรื่องราวของ วิลเลียม พิตเซนบาร์เกอร์

รีวิว The Last Full Measure การเสียสละที่ลืมเลือน! เรื่องราวของ วิลเลียม พิตเซนบาร์เกอร์

คุณพร้อมหรือยังที่จะดำดิ่งสู่ความจริงที่โคตรจะน่าเบื่อ ?

ถ้าพร้อมแล้ว ขอเสียงหน่อยโว้ยยย เพราะวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง The Last Full Measure หนังที่เล่าเรื่องโคตรเจ๋ง แต่ดันโคตรจะ ‘… จืด …’ บอกเลยว่าถ้าคิดจะมาหาความมันส์แบบหนังสงคราม…ถอยไปให้ไกล! นี่มันคือหนังที่ทำให้แกง่วงได้ง่าย ๆ เลยแหละ

รีวิว The Last Full Measure

หนังเรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริงของ วิลเลียม พิตเซนบาร์เกอร์ ทหารเสนารักษ์สุดเดือดวัยแค่ 21 ปี ที่ยอมตายในสนามรบเวียดนามเมื่อปี 1966 เพื่อช่วยชีวิตทหารที่บาดเจ็บคนอื่น ๆ โดยปฏิเสธที่จะหนีตายด้วยเฮลิคอปเตอร์

โคตรจะหัวใจแกร่ง โคตรจะเดือด แต่หนังดันไปเน้นที่เรื่องราวที่โคตรจะช้าอย่างการพยายามผลักดันให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุด เฮ้ยยย !!! โคตรผิดจุด

หนังเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน มีตัวเอก คือ สก็อต ฮัฟฟ์แมน ไอ้หนุ่มในเพนทากอนสุดทะเยอทะยานที่โดนสั่งให้ไปรวบรวมข้อมูล ตอนแรกมันก็ทำไปงั้น ๆ แหละ ทำไปแบบขอไปที เพราะไอ้เรื่องการมอบเหรียญเนี่ย มันก็แค่ ‘งานเอกสาร’ อันน่าเบื่อสำหรับมัน แล้วคุณจะไปคาดหวังความเดือดอะไรกับมันได้ !!!

เเล้วคือโคตรจะเสียของ หนังได้นักแสดงรุ่นเก๋าโคตร ๆ อย่าง ซามูเอล แอล. แจ็คสัน, เอ็ด แฮร์ริส และ ปีเตอร์ ฟอนดา มานั่งเล่าเรื่องความหลังที่แสนจะบาดลึก แต่บทหนังมันดันไม่ส่งให้พวกเขาได้โชว์ของ คือนักแสดงแม่งโคตรจะพยายาม พยายามแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้บนบ่า แต่ก็ทำได้แค่ยกระดับให้หนังมันพอจะดูได้ ไม่ได้ทำให้หนังมันน่าจดจำ พูดง่าย ๆ ก็เหมือนคุณได้ดูวงดนตรีเมทัลโคตรเจ๋ง…แต่เล่นเพลงแนวโฟล์กซองดี ๆ นี่เอง อืม…

ในพาร์ตย้อนอดีตก็โคตรน่าเบื่อ มีแต่ภาพการรบแบบที่เราเห็นจนชินตา ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรที่ทำให้หัวใจเราสูบฉีด ดูแล้วก็รู้สึกได้แค่ว่า ”เออ สงครามก็แบบนี้แหละ แล้วไงต่อ ?“

สุดท้ายไอ้หนุ่ม ฮัฟฟ์แมน ก็ต้องมาต่อสู้กับจิตใต้สำนึกของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจไปทวงคืนความยุติธรรมให้ฮีโร่ แต่มันดู จงใจ และ โคตรจะปลอม มันดูประดิษฐ์ประดอยเกินไปจนคุณไม่อิน เหมือนดูคนกำลังแสดงละคร มันน่าหงุดหงิด แล้วไอ้ตัวละครเมียท้องโย้อีก มีบทแค่ลูบท้องแล้วมองสามีด้วยสายตาอันแสนจะรักใคร่ โคตรจะน่าสมเพช คือคุณพี่ไม่มีบทอะไรที่มากกว่านี้แล้วเหรอ

โดยรวมแล้ว The Last Full Measure มีวัตถุดิบโคตรดี แต่ดันปรุงออกมาได้โคตรกา_ มันคือตัวอย่างของหนังที่บอกว่า ‘เรื่องจริงมันโคตรเจ๋ง แต่คนทำหนังกลับทำออกมาได้ไม่ถึง’ ถ้าอยากดูหนังสงครามที่โคตรจะทรงพลังและบีบอารมณ์ กลับไปดู All Quiet on the Western Front ดีกว่า

The Last Full Measure : 6️⃣🔟 คือมันไม่ได้แย่จนดูไม่รู้เรื่องนะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องจดจำ นักแสดงโคตรดี แต่บทมันห่วยจนไม่รู้จะด่าอะไร โดยเฉพาะการสร้างอารมณ์ที่โคตรจะปลอม ดูจบแล้วก็เหมือนนั่งฟังเพลงแนวชิล ๆ ตอนกลางคืน ไม่ได้ปลุกไฟในตัวคุณเลยแม้แต่นิดเดียว

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>