หนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีกลิ่นไอหนังจีนกำลังภายใน ใส่ตัวขโมยซีนเข้ามา จนกลายเป็นหนังฮีโร่มาร์เวลที่ครบรส
มาร์เวลสร้างซูเปอร์ฮีโร่ให้โด่งดังและทำรายได้มาหลายชนชาติ ตั้งแต่มนุษย์ไปจนถึงเทพ มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และ LGBTQ+ มีทั้งผิวขาว ผิวดำ แล้ววันนี้ เขาก็มีซูเปอร์ฮีโร่หน้าเอเชียเพิ่มมาอีกหนึ่ง นั่นคือ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ชื่อไทยก็ ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์ แต่ตามประสาคนไทยก็คงจะเรียกกันง่ายๆ สั้นๆ ว่า ชางชี นั่นแหละ
ตัวละครที่ใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา แต่บ้านเกิดของเขาอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเอเชียตะวันออกนี่ จากชีวิตที่เป็นเด็กจอดรถในโรงแรมหรู เขากลับกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้อย่างไร และเมื่อดูจากชื่อเรื่อง ชีวิตของเขาไปเกี่ยวข้องอะไรกับวงแหวนสิบวงนั้น แล้วมันสำคัญยังไงกับการก้าวขึ้นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของเขา
ได้เวลามานั่งดูกันละ
เรื่องย่อหนัง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings
ชอน (Simu Liu/ซือมู่หลิว เขาเคยเล่นหนังใน Taken และเล่นซีรีส์ Kim’s Convenience มาก่อนด้วย) ชายหนุ่มเชื้อสายเอเชียที่ใช้ชีวิตเป็นพนักงานรับรถลูกค้าไปจอดในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในอเมริกา เขามีเพื่อนสนิทต่างวัยเป็น เคที่ (Awkwafina จากหนังเรื่อง Jumanji: The Next Level, The Farewell และ Crazy Rich Asians) สาวห้าวรวยอารมณ์ขันที่ดูจะเข้าขากันดี จนมาวันหนึ่ง เกิดสองเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตที่ดูเงียบสงบของเขาต้องพลิกผัน
หนึ่งคือจดหมายฉบับหนึ่งที่ส่งจากมาเก๊าที่เขาคิดว่าเป็นน้องสาวส่งมา ขณะเดียวกัน เขาก็ถูกชายที่แขนขวาเป็นดาบเข้าทำร้ายบนรถบัสพ่วง ช่วงชิงจี้ตามังกร แถมส่งข้อความบอกว่าจะตามรังควานถึงน้องสาวของเขา นั่นทำให้เขาต้องรีบซิ่งมามาเก๊าพร้อมเพื่อนสนิท เพื่อเจอกับ เซียหลิง (Meng’er Zhang) น้องสาวที่จากกันไปเสียนาน
การเดินทางกลับบ้านเกิดครั้งนี้ ทำให้เขาได้พบกับ หนาน (Michelle Yeoh จากซีรีส์เรื่อง Star Trek: Discovery, หนังเรื่อง Last Christmas และ Morgan) ผู้เป็นป้า พร้อมด้วยเพื่อนพี่น้องร่วมหมู่บ้าน ทั้งเขายังได้มารับรู้ทีหลังว่า ทั้งหมดนั้นคือเพราะพ่อของเขาต้องการให้เขากลับไปหาอีกครั้ง
โดยมีจุดประสงค์บางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่
รีวิวหนัง ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์
มันคือเรื่องราวของชายหนุ่มสายเลือดเอเชีย ผู้ที่เกิดจากความรักของพ่อกับแม่ที่แตกต่างกันสุดขั้ว พ่อที่ได้รับอาวุธเท็นริงส์ที่ทำให้เขามีอำนาจเหลือล้น เขาไม่ได้ใช้มันเพื่อผดุงคุณธรรม หากแต่ใช้แสวงหาอำนาจและการครอบครอง แม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ อันแสนเงียบสงบแต่มีวิชาการต่อสู้และอาวุธที่ล้ำเลิศ
ทั้งสองคนเลือกจะละทิ้งทุกสิ่งเพื่อความรัก ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทะลาย
ความขัดแย้งของตัวละครนำมาซึ่งเรื่องราว
บางครั้ง รักอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง แต่ก็อาจเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไม่นานตัวตนเดิมก็อาจกลับมา ซึ่งนั่นทำให้คาแรกเตอร์ลูกชายอย่างชาง-ชีต้องรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เมื่อมองเห็นพ่อเป็นตัวร้ายมาตั้งแต่ต้น จนวันนี้ เขากลับกลายฮีโร่ผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับพ่อของตน แล้วเขาควรเลือกทำเช่นใดกันดี
ระหว่างพี่น้องกันเอง ก็มีความขัดแย้งอยู่พอสมควร เพราะเซียหลิงค่อนข้างน้อยใจในตัวพี่ชายที่ไม่รักษาสัญญา แต่เธอจะทนเห็นพี่ชายเข้าตาจนอยู่ได้ยังไง
ในเนื้อหนังยังใส่ค่านิยมแบบเอเชียที่ยังฝังรากอยู่จนถึงปัจจุบัน นั่นคือ ปิตาธิปไตย สังคมชายเป็นใหญ่ อะไรทำนองนั้น สังเกตได้จาก ผู้เป็นพ่อที่สอนวิชาการต่อสู้ให้กับชายเท่านั้น ทำให้ลูกสาวต้องฝึกฝนด้วยตนเอง ซึ่งในหนังก็มีทางออกให้กับเรื่องนี้จนได้
ความโดดเด่นของชาง-ชี
หนังใส่กลิ่นไอของหนังจีนกำลังภายในเข้ามาพอสมควร หลายคนที่ชื่นชอบหนังแนวนี้ก็น่าจะชื่นชอบชาง-ชีไปด้วย แม้ว่าจะผสมเข้าไปเพียงบางๆ พอให้ได้กลิ่นเท่านั้น นอกจากลีลาการต่อสู้แบบกำลังภายในแล้ว ก็ยังมีมังกรเป็นองค์ประกอบหลัก และมีตัวละครที่พูดจากันด้วยภาษาจีน (แต่บางช่วงเวลาก็พูดกันด้วยภาษาอังกฤษ)
สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างในหนังเรื่องนี้ คือ การมีสัตว์วิเศษที่จะมีเฉพาะในบ้านเกิดของแม่เท่านั้น แต่ละตัวก็แสนน่ารัก ทั้งจิ้งจอกเก้าหาง สิงโต๊…โต ม้านิลมังกร และโดยเฉพาะเจ้ามอร์ริส สัตว์คล้ายหมาอ้วนๆ มีหกขาสี่ปิก แต่ไม่มีหน้า พอมีเจ้าตัวนี้ก็เลยต้องมี แมนดาริน (Ben Kingsley จาก Iron Man 3) เข้าฉากด้วย ซึ่งอันนี้ก็ฮาดีไม่หยอก
กลายเป็นหนังรวมสัตว์วิเศษไปโดยปริยาย
ที่สำคัญที่สุด ก็คงเป็นการพาเอาเหลียงเฉาเหว่ย ดาราฮ่องกงที่คนไทยคุ้นเคยให้รับบทพ่อ เป็นพ่อที่ยังหล่อเฟี้ยวแม้คาแรกเตอร์จะเป็นคนในด้านร้าย แต่หนังก็ทำให้เราพอมองเห็นด้านดีอยู่บ้าง ทุกเวลาที่เขาปรากฏตัวบนหน้าจอ คือสิ่งดีๆ สำหรับหนังเรื่องนี้
เทคนิคพิเศษ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นมากมายในหนังเรื่องนี้ CG สุดสวยตระการตา ทำให้ฉากต่อสู้ดูมีสีสัน ส่งเสริมความแฟนตาซีให้สุดซอย เพราะด้วยเรื่องราวหนังต้องพึ่งพาเทคนิคพิเศษด้านภาพอย่างสูง นอกจากนี้ยังต้องทำงานร่วมกับดนตรีประกอบที่ใส่กลิ่นไอความเป็นจีนเข้าไปสุดฤทธิ์ ซึ่งก็ออกมาไม่เลว
นอกจากหนังจะมีฉากแอคชันสนุก ชวนอึ้งชวนว้าวไปแล้ว อีกส่วนก็คงจะเป็นมุกตลกที่มักออกจากปากของดาราสาว Awkwafina ที่แม้เธอจะเล่นดราม่าได้ดีพอๆ กับคอมิดี้ แต่ชาง-ชีใช้ประโยชน์ของเธอในด้านคอมิดี้เพียงด้านเดียว และเธอก็ทำหน้าที่ได้ไม่ตกหล่น เรียกเสียงฮาจากผู้คนได้เป็นอย่างดี
เดินเรื่องมันสลับเอื่อย
เรื่องราวที่ถูกเล่าแบบสลับไปสลับมา เดี๋ยวปัจจุบัน เดี๋ยวอดีต แต่กลับไม่ชวนมึนงง และดำเนินไปแบบสลับกันระหว่างฉากสนทนาและฉากแอคชัน ทำให้มันกลายเป็นหนังที่ไม่ค่อยน่าเบื่อ อาจมีเอื่อยบ้างระหว่างทาง เพราะต้องพักให้ตัวละครได้พูดคุยกัน แต่โดยรวมมีการเดินทางที่ลื่นไหลไปได้ตลอด แถมยังมีตัวคู่หูคู่ฮาของชาง-ชีอย่างเคที่เข้ามาป่วนให้เราดูไปขำไป บวกกับบางส่วนที่เกือบจะเป็นดราม่าน้ำตาคลอได้อยู่แล้ว
มันเลยกลายเป็นหนังที่สนุก ครบรส สมใจคอหนังมาร์เวลไปได้ฉะนี้นี่เอง
หนังยังมีสองฉากแถม หนึ่งฉากกลางเครดิต (หลังขึ้นชื่อตัวละครและทีมงานคนสำคัญประกอบเพลงเท่ๆ คูลๆ) กับอีกหนึ่งท้ายสุดเลย (ใครที่รีบจะลุกไปฉี่โปรดรอกันนิดนึงนะ)