หน้าหนังเป็นหนังเทศกาลแต่แท้จริงเป็นหนัง LGBTQ+ คู่รักเลสเบี้ยนที่ฝ่ายหนึ่งไม่กล้าเปิดตัวกับพ่อแม่ของตน
ในวันที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรง ผมไม่มีโอกาสจะได้เข้าไปดู แต่เมื่อวันที่มันฉายใน Netflix จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเปิดดูและหยิบเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ ‘Happiest Season ไม่มีฤดูไหนไม่รักเธอ’ มากล่าวถึง หนังที่ดูเหมือนหนังเทศกาลคริสต์มาสทั่วไป แต่ไม่ใช่ มันเป็นหนังที่บอกเล่าอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
เรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่ฝ่ายหนึ่งเดินทางไปร่วมอยู่ในปาร์ตี้รวมญาติของอีกฝ่าย หวังไปแนะนำตัวให้ฝ่ายญาติรู้จัก แต่ตลอดเวลาที่เธอต้องปิดบังว่าเป็นแค่รูมเมท ไม่ใช่แฟน ครั้งนี้เป็นผลงานการแสดงของสาวสวย Kristen Stewart/คริสเต็น สจวร์ต กับ Mackenzie Davis/แมคเคนซี เดวิส ผ่านสายตาและการกำกับของ Clea DuVall สาวอเมริกันผู้ที่เป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับ
เอาล่ะ ได้เวลาจะได้มาพบกับผลงานของเธอแล้วสิ
เรื่องย่อหนัง ‘Happiest Season’
มันเป็นเรื่องราวของคู่รักสองสาว อบิเกล หรือ แอ็บบี้ (Kristen Stewart/คริสเต็น สจวร์ต จากหนังเรื่อง Café Society ณ ที่นั่นเรารักกัน, Still Alice อลิซ…ไม่ลืม และ Charlie’s Angels) หญิงสาวที่ไม่ใคร่ชอบเทศกาลคริสต์มาสสักเท่าไหร่ เธอคบหาดูดดื่มอยู่กับ ฮาร์เปอร์ (Mackenzie Davis/แมคเคนซี เดวิส จากหนังเรื่อง The Martian, Blade Runner 2049 และ Terminator: Dark Fate) แต่เทศกาลรวมญาติในปีนี้ แอ็บบี้ตัดสินใจจะร่วมเดินทางไปกับฮาร์เปอร์เพื่อใช้เวลา 5 วันอยู่กับเครือญาติของเธอ โดยมีจุดประสงค์สำคัญ ก็เพื่อเปิดตัวแฟนหญิงอย่างแอ็บบี้ให้พวกเขาได้รู้จัก
ที่นั่น เธอได้รู้จักกับครอบครัวของฮาร์เปอร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เท็ด (Victor Garber) พ่อผู้กำลังมุ่งหวังก้าวหน้าในวงการการเมือง ทิปเปอร์ (Mary Steenburgen) แม่ผู้เคร่งครัดทุกสิ่ง สโลน (Alison Brie ผู้ให้เสียงพากย์ในซีรีส์เรื่อง BoJack Horseman และแอนิเมชันเรื่อง Weathering with You ฤดูฝัน ฉันมีเธอ ) พี่สาวผู้แต่งงานแล้ว เป็นคุณแม่ผู้แข็งแกร่งของลูกแฝด และเจน (Mary Holland จากหนังเรื่อง The Package) น้องสาวผู้มุ่งมั่นอยู่กับนิยายแฟนตาซีที่เธอใฝ่ฝัน
ตัวอย่างหนัง ไม่มีฤดูไหนไม่รักเธอ [ซับไทย]
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า มันจะก่อความยุ่งยากยุ่งเหยิงตามมา
ความเป็นจริงก็คือ ฮาร์เปอร์ไม่เคยเปิดเผยเรื่องการคบกันของพวกเขาก็ครอบครัวแม้แต่น้อย วันที่เธออยู่ใต้ชายคานั้น เธอต้องโกหกให้แนบเนียนทุกอย่าง แอบซ่อนความสัมพันธ์เอาไว้ บอกได้แค่เป็นรูมเมท ไม่พอ เธอยังต้องอุปโลกน์ว่า จอห์น (Dan Levy จากซีรีส์เรื่อง Schitt’s Creek) เพื่อนเกย์ของเธอนั้นเป็นแฟนเก่าอีกต่างหาก
และสิ่งที่ฮาร์เปอร์กำลังทำอยู่ ทำให้แอ๊บบี้ต้องตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์
รีวิวหนัง ‘ไม่มีฤดูไหนไม่รักเธอ’
ความสัมพันธ์ของแอ๊บบี้และฮาร์เปอร์นั้น ถ้าจะพูดให้คนทั่วไปเข้าใจก็คือ ทั้งสองเป็นเลสเบี้ยน เป็นความรักที่หญิงมีให้กับหญิง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทุกคนหรือทุกครอบครัวที่จะยอมรับและรับได้กับความสัมพันธ์นี้ แอ๊บบี้ผู้คาดหวังจะได้พบกับเทศกาลคริสต์มาสที่แสนสุข ได้เปิดตัวกับครอบครัวของฮาร์เปอร์ แต่ไม่…ไม่ใช่เลย เพราะระหว่างการเดินทางเธอได้บอกบางสิ่ง ซึ่งก็ยังมิใช่การบอกทั้งหมด
ยังเหลืออีกหลายสิ่งที่เธอต้องไปรู้เมื่อไปถึงบ้านหลังนั้นแล้ว
การโกหกที่ชวนกระอักกระอ่วนใจ
ก่อนที่เธอจะไปถึงนั้น ฮาร์เปอร์ได้ให้ข้อมูลกับครอบครัวของเธอเอาไว้ว่า เธอคือหญิงสาวผู้ที่สูญเสียพ่อแม่ มันกลายเป็นภาพจำหรืออะไรไม่ทราบ เมื่อคนทั้งครอบครัวต่างใช้ประเด็นนี้ในการพูดจากับเธอ มองว่าเป็นเด็กกำพร้าบ้างล่ะ น่าสงสารบ้างล่ะ เอาจริงๆ มันไม่ตลกเลยกับการที่มีคนพูดจาทำท่าเหมือนว่าสงสาร (ทั้งที่ในใจไม่) แบบนี้ เป็นบทที่อาจทำให้เรารู้สึกหดหู่และสงสารในตัวแอ๊บบี้ไม่น้อย ขณะเดียวกันก็ส่งให้นายแพทรู้สึกไม่ดีกับครอบครัวนี้ไปโดยปริยาย
เมื่อไปถึงแล้ว เธอก็กลับต้องทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนธรรมดาๆ ของเธอ เพราะข้อมูลที่ครอบครัวนี้ได้รับคือ เธอเป็นแค่รูมเมท ทั้งเธอยังต้องโกหกให้แนบเนียนไม่ให้พวกเขารู้ว่า ทั้งสองคนคบหาเป็นแฟนกันอยู่ ความกระอักกระอ่วนในใจของแอ๊บบี้จะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องปิดบังนั้นสร้างบทหนังที่ชวนให้ขำได้ง่ายอยู่แล้ว
แต่เรื่องนี้ กลับให้รู้สึกหนักใจผสมเข้าไปด้วย
เรื่องราวของคู่รักเลสเบี้ยน ที่ฝ่ายหนึ่งไม่กล้าเปิดเผยตัวตน
แอ็บบี้ได้รับรู้ว่า ครอบครัวที่ดูมีระเบียบเคร่งครัดมากนี้ เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันระหว่างพี่น้อง ลูกๆ มีพ่อที่ต้องการก้าวหน้าในด้านการเมืองท้องถิ่น มีแม่ที่คอยเร่งรัดคาดคั้นความเฟอร์เพกต์จากลูกๆ ทั้งสามจึงต้องสร้างตัวเองให้มีภาพลักษณ์ที่เพอร์เฟกต์ไร้จุดด่างพร้อย แน่นอน พวกเขาย่อมไม่ยอมรับการคบกันแบบหญิงหญิงของแอ๊บบี้และฮาร์เปอร์แน่ ฮาร์เปอร์ปิดบังเรื่องนี้กับเธอ แถมยังเคยมีแฟนเป็นผู้ชาย แม้เลิกรากันไปแต่เหมือนเขาจะยังมีใจให้เธออยู่ อีกทั้งครอบครัวก็ดูสนับสนุน
ไม่มีอะไรเป็นใจให้กับแอ๊บบี้เลยแม้แต่น้อย
แต่ในส่วนหนึ่ง เราก็เข้าใจในฮาร์เปอร์พอสมควร มีคนมากมายในโลกนี้ที่เป็นอย่างฮาร์เปอร์ รู้ตัวเองว่าชอบอะไร เป็นอะไร แต่ไม่อาจเปิดปากบอกหรือยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเป็นกับพ่อแม่หรือพี่น้องได้ อาจเพราะกลัวผลที่จะติดตามมา เพราะมันย้อนหลังไม่ได้อีกแล้ว การรับชมหนังเรื่องนี้ จึงไม่ใช่ได้แค่เสียงหัวเราะจากมุกฮาๆ
แต่ยังได้น้ำตาที่เอ่อมาพร้อมกับอาการถอนใจ
เทศกาลที่ควรมีความสุข แต่กลับมีแต่ความร้าวราน
หนังเริ่มต้นด้วยภาพของเทศกาลคริสต์มาส ที่ภาพลักษณ์ของมันคือเทศกาลแห่งความสุขและช่วงเวลาของการกลับมาพบหน้ากันของเหล่าเครือญาติ แต่สิ่งที่แอ๊บบี้ได้เจอมันช่างแตกต่างและไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ความสุข’ เลย ฮาร์เปอร์ที่เธอรัก เมื่อมาเจอครอบครัว กลับไม่ได้เห็นเธอสำคัญ ความสัมพันธ์ถูกปิดเป็นความลับ และอีกคนเหมือนจะมีความสุขอยู่กับคนเก่า
เธอเริ่มตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่า มันควรจะยืนยาวต่อไป หรือควรจะสิ้นสุดแค่ตรงนี้ดี
เป็นหนังที่ใส่ส่วนผสมออกมาได้ค่อนข้างลงตัว ทั้งมุกฮาที่ตัวละครแต่ละตัวก็มีโอกาสจะสร้างมันขึ้น ขณะเดียวกัน เรื่องราวของความรักระหว่างคนที่มีเพศสภาพเดียวกันก็ชักชวนให้หนังดูจริงจังไม่น้อย น่าเสียดายอยู่นิดหน่อยที่ บทหนังดูจะรีบร้อนคลี่คลายรวดเร็วเกินใจคนดูจะรับมากไปนิด นายแพทไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ว่า คนจะเปลี่ยนแปลงความเชื่อได้อย่างหน้าเป็นหลังมือได้ในฉับพลัน