John Wick : Chapter 4 มหากาพย์นักฆ่ากลับมาพร้อมเดิมพันครั้งสุดท้าย
John Wick : Chapter 4 ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอ็กชันที่แฟน ๆ ทั่วโลกรอคอย ด้วยความสำเร็จจากภาคก่อน ๆ ที่ทำให้ตัวละคร จอห์น วิค กลายเป็นไอคอนของวงการแอ็กชันยุคใหม่ การกลับมาในภาคที่ 4 นี้จึงไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของ จอห์น อีกต่อไป แต่มันคือเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาต้องเผชิญ
เรื่องราวในภาคนี้ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในภาคที่ 3 เมื่อ จอห์น วิค (คีอานู รีฟส์) ยังคงถูกไล่ล่าจากองค์กรลับระดับโลกอย่าง The High Table และต้องหาทางปลดแอกตัวเองจากกฎเกณฑ์ที่กดขี่เขามานานหลายปี ครั้งนี้เขาพบวิธีเดียวที่จะหลุดพ้น นั่นคือการท้าทาย The High Table ด้วยการประลองที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
การเดินทางของเขาพาเราไปทั่วโลก ตั้งแต่โอซาก้า เบอร์ลิน ไปจนถึงปารีส ซึ่งเป็นสถานที่ที่จอห์นต้องเผชิญหน้ากับศัตรูคนใหม่อย่าง มาร์กีส์ วินเซนต์ เดอ กรามงต์ (บิลล์ สการ์สการ์ด) ชายผู้มีอำนาจเหนือกว่าใครและพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดจอห์น
สิ่งที่ทำให้ John Wick : Chapter 4 โดดเด่นกว่าภาคก่อน ๆ คือ ฉากแอ็กชันที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ทุกฉากถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน มีทั้งการต่อสู้ระยะประชิด การดวลปืนสุดโหด และฉากขับรถไล่ล่าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ซึ่งฉากที่กลายเป็นไฮไลต์ของเรื่องนี้ คือ ฉากต่อสู้ที่ปารีส ซึ่งมีการใช้เทคนิค long take (ถ่ายยาวต่อเนื่อง) ผสมกับมุมกล้องแบบ top-down ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมแอ็กชันสุดมันส์
อีกฉากที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก คือ ฉากบันได 222 ขั้น ที่เป็นหนึ่งในฉากที่แสดงให้เห็นถึงความอึดของจอห์น วิค และศัตรูที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมด ในช่วงเวลาที่เขากำลังต่อสู้เพื่อไปให้ถึงจุดหมายสุดท้าย มันเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความกดดันและเเสดงให้เห็นถึงการดิ้นรนเพื่ออิสรภาพของตัวละครหลักได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากฉากแอ็กชันแล้ว ภาคนี้ยังเติมเต็มเรื่องราวด้วยตัวละครใหม่ที่น่าจดจำ โดยเฉพาะ เคน (ดอนนี่ เยน) นักฆ่าตาบอดที่มีฝีมือการต่อสู้สุดล้ำ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนเก่าและศัตรูของจอห์น การแสดงของดอนนี่ เยน ทำให้ตัวละครนี้เป็นมากกว่าตัวประกอบ เขามีคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์ แถมสไตล์การต่อสู้ยังแตกต่างจากตัวละครอื่น ๆ ทำให้ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ฉากนั้นจะต้องเป็นที่จดจำ
ส่วนทางด้านตัวร้ายอย่าง มาร์กีส์ ที่รับบทโดย บิลล์ สการ์สการ์ด ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจ ด้วยความฉลาดและเจ้าเล่ห์ของเขา ทำให้การปะทะกันของเขากับจอห์น วิค เต็มไปด้วยความตึงเครียดและเดิมพันที่สูงกว่าภาคก่อน ๆ
จุดที่ทำให้ John Wick: Chapter 4 สมบูรณ์แบบมากขึ้น คือ งานภาพและการกำกับศิลป์ การถ่ายทำในสถานที่จริงทั่วโลก ทำให้แต่ละฉากมีความงดงามและสมจริง การใช้แสงและเงาในแต่ละฉากถูกจัดวางอย่างละเอียด ทำให้ฉากต่อสู้มีมิติและความลึกที่ช่วยเสริมอารมณ์ของเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม
แม้ว่า John Wick : Chapter 4 จะมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง แต่กลับไม่มีช่วงที่รู้สึกน่าเบื่อเลย เพราะทุกฉากเต็มไปด้วยพลังและความเข้มข้นที่ทำให้ผู้ชมต้องจับตาดูตลอดเวลา นี่อาจเป็นภาคที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์ และถ้าหากนี่คือบทสรุปของเรื่องราวของจอห์น วิค มันก็คงเป็นการปิดฉากที่สมศักดิ์ศรี
อย่างไรก็ตาม John Wick : Chapter 4 ไม่ใช่แค่หนังแอ็กชันทั่วไป แต่เป็น ‘ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ’ ที่แสดงให้เห็นว่า หนังแอ็กชันสามารถเป็นมากกว่าความมันส์ได้ มันสามารถเป็นทั้งศิลปะ การเล่าเรื่อง และการแสดงที่ยอดเยี่ยม
ดังนั้น หากคุณเป็นแฟนของ John Wick หรือแม้แต่เป็นคอหนังแอ็กชันทั่วไป นี่คือหนังที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่ www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>