เมื่อหลักการของยอดมนุษย์ถูกท้าทายอีกครั้งในวันที่พวกเขาเริ่มคิดเรื่องส่งต่อสู่รุ่นใหม่ ซีรีส์ที่ไม่สนุกเท่าที่ควรจะเป็น
ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่บางเรื่องดัดแปลงสร้างจากหนังสือ ทำให้คนดูอย่างเราคาดหมายไว้ว่า มันต้องมีหลายซีซัน และเราก็คาดหวังให้ Jupiter’s Legacy (จูปีเตอร์ส เลกาซี่) เรื่องนี้มีหลายซีซันเช่นกัน หลังเปิดตัวเริ่มฉายออนไลน์ใน Netflix ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม 2021 เป็นต้นมา เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่เผชิญปัญหาการผัดเปลี่ยนเจเนอเรชันก็เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในหลายจุดของโลก แต่ในเมืองไทยอาจจะยังไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้ จึงลองหยิบมาเขียนถึงกันเสียหน่อย
ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้พัฒนาบทขึ้นมาจากกราฟิกโนเวลผลงานของ Mark Millar และ Frank Quitely บอกเล่าถึงโลกที่มีมนุษย์ผู้มีพลังวิเศษกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่ร่วมกับมนุษย์ธรรมดามาเกือบร้อยปี พวกเขาได้รับพลังนั้นและเมื่อพวกเขามีลูกหลาน พลังวิเศษนั้นก็ตกทอดไปยังผู้สืบสกุลด้วยและเมื่อพวกเขาถึงคราวร่วงโรยก็เริ่มมองหาผู้สืบทอด
แต่โลกมันมิได้เหมือนเดิมแล้วนี่สิ
เรื่องย่อซีรีส์ Jupiter’s Legacy
โลกนี้เริ่มเกิดมีมนุษย์ผู้ได้รับพลังวิเศษมาเนิ่นนานแล้ว ซูเปอร์ฮีโร่รุ่นแรกเริ่มจะร่วงโรย และพวกเขาก็เริ่มมองหาผู้สืบทอด
เชลดอน แซมป์สัน (Josh Duhamel จากซีรีส์ Unsolved และหนังเรื่อง Love, Simon และ Transformers: The Last Knight) หรือยูโทเปียน ส่วนหนึ่งนั้นเขาคือหัวหน้าทีมซูเปอร์ฮีโร่ที่ใช้ชีวิตช่วยผู้คนมาราวเก้าสิบปี แต่อีกส่วน เขาคือพ่อของลูกชายและลูกสาว แบรนดอน (Andrew Horton) และโคลอี้ (Elena Kampouris จากซีรีส์ American Odyssey และหนังเรื่อง Men, Women & Children)
เขามีเกรซ (Leslie Bibb) เป็นภรรยา และมีวอลเตอร์ (Ben Daniels จากซีรีส์ The Crown และหนังเรื่อง Rogue One: A Star Wars Story) หรือเบรนเวฟเป็นพี่ชาย ทั้งหมดเป็นครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติแห่งการเปลี่ยนผ่าน
แม้ขบวนการซูเปอร์ฮีโร่นี้ จะไม่ได้ประกอบอยู่แค่ เชลดอน, เกรซ และ วอลเตอร์ แต่ซีรีส์ก็เล่าให้ถึงการส่งต่อ เราจึงได้เห็นปมชีวิตของลูกๆ อย่างแบรนดอน ที่ผิดหวังในความเป็นพ่อผู้ไม่เคยเลี้ยงดูลูกมาตลอดเวลาของการทำหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่ แถมพ่อยังบอกว่าเขายังไม่ไกล้เคียงพอที่จะรับช่วงต่อ ขณะที่ โคลอี้ ยังเป๋อยู่กับการใช้ชีวิตให้ห่างไกลจากคำว่าซูเปอร์ฮีโร่ ด้วยการเป็นนางแบบและหมกมุ่นอยู่กับการใช้ยาเสพติด
แล้วอนาคตของพวกเขาเหล่าซูปเปอร์ฮีโร่ จะฝากไว้กับใคร
รีวิวซีรีส์จูปิเตอร์สเลกาซี่
คำว่า legacy นั้นแปลว่า มรดก เรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้มันคงไม่พ้นการส่งต่อ การสืบทอด สิ่งที่ถูกบอกเล่าอยู่ในซีรีส์ มันคือเรื่องราวของเจเนอเรชัน คนกลุ่มแรกที่ได้รับพลังวิเศษ กลายเป็น 6 ซูเปอร์ฮีโร่ที่ก่อตั้งสหภาพของตนเอง วางหลักการร่วมกัน และตั้งมั่นที่จะดำเนินตามนั้นอย่างไม่บิดพลิ้ว แต่ซูเปอร์ฮีโร่แม้จะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าแต่ก็มีวันแก่ชรา สังขารเริ่มร่วงโรย
การครุ่นคิดถึงภารกิจที่จะถูกส่งต่อให้กับคนรุ่นถัดไปจึงไม่อาจหลีกได้พ้น
การเปลี่ยนผ่านของซูเปอร์ฮีโร่รุ่นแรกสู่รุ่นใหม่
อาจไม่ใช่สิ่งใหม่หากจะพูดถึงหลักการถ่ายทอดพลังเหนือมนุษย์ผ่านระบบพันธุกรรม พลังพวกนี้จะถูกถ่ายทอดจากพ่อ-แม่สู่ลูก แต่ในครั้งนี้ จูปิเตอร์ส เลกาซี่ ต้องการจะพูดถึงการให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ การเลี้ยงดูและปลูกฝังเพื่อที่วันข้างหน้า พวกเขาจะก้าวขึ้นมาแทนที่ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปทุกวัน กฏเกณฑ์และหลักการที่ตั้งวางไว้แต่เดิมนั้น จะยังคงถูกใช้ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง หรือถึงเวลาต้องปรับตามความคิดใหม่ๆ
แต่ภารกิจของการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวพ่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ก็เหมือนการคนดัง คนมีชื่อเสียง คนรวย คนงานชุก ทั้งหลาย ที่มักจะไม่มีเวลาให้ลูกตัวเอง เชลดอน (หรือยูโทเปียน) ก็เช่นกัน หลังได้รับพลังและกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เขาก็ห่างเหินจากแบรนดอนและโคลอี้มาตลอด แม้แบรนดอนจะยังคงตามรอยผู้พ่อและมีลุงวอลเตอร์ (หรือเบรนเวฟ) คอยดูแลอยู่ แต่ก็มักเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ โดยเฉพาะเมื่อไปได้ยินว่า พ่อไม่เชื่อถือในความสามารถของตนมากพอจะให้สานต่องาน
แต่อีกคนนี่สิ โคลอี้โตขึ้นมาเป็นสาวสวย แต่เธอเลือกจะใช้ชีวิตภายใต้สปอตไลท์ เธอกลายเป็นนางแบบที่มีชีวิตอยู่กับสารเสพติด แม้จะมีพลังมากมายแต่ก็เลือกจะหันหลังให้ ภายในครอบครัวแซมป์สันจึงค่อนข้างจะวิตกกังวลอยู่หน่อย
แต่นั่นมันก็ครึ่งหนึ่งของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น
เมื่อหลักการของซูเปอร์ฮีโร่ถูกท้าทาย
ในซีรีส์เรื่องนี้ กล่าวถึงฮีโร่ชาวอเมริกัน 6 คนเดิมพวกเขาก็อยู่ในสถานะต่างๆ ในสังคมบ้างก็เป็นพี่น้อง บ้างก็เคยขัดแย้งกัน บ้างก็เป็นเพื่อน บางคนก็บังเอิญพบเจอ หลังได้รับพลัง พวกเขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกมานานพอจะเห็นโลกเปลี่ยนแปลงไปมากมาย แต่ขณะเดียวกัน ทุกคนต่างเป็นสมาชิกของสหภาพฯ และต่างยึดถือหลักการอันหนักแน่นที่เกิดจากความคิดของยูโทเปียน นั่นคือ การไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำจนพลั้งมือฆ่าใคร
ที่ผ่านมาจึงไม่มีใครตายจากฝีมือของพวกเขาโลกน่าอยู่ขึ้นมากมาย แต่ก็มีบางเสียงที่สั่นคลอนหลักการอยู่เช่นกัน
โลกนี้มีทั้งผู้มีพลังที่ตั้งใจรักษาความสงบ แต่ก็มีบางส่วนที่คิดใช้พลังสร้างพฤติกรรมด้านร้ายๆ หลักการของสหภาพฯ ที่จะไม่ฆ่า ถูกท้าทายครั้งแล้วครั้งเล่า และนี่ก็เป็นอีกครั้ง เมื่อตัวร้ายออกอาละวาดและทำฝ่ายดีต้องเสียชีวิต เหล่าซูเปอร์ฮีโร่ต้องเลือกว่าจะทำตามหลักการที่มีมาช้านาน หรือจะสำเร็จโทษมอบความตายให้กับพวกมันซะ!
เดินเรื่องด้วยการสลับเวลาและสัดส่วนหน้าจอ
จูปีเตอร์ส เลกาซี่ เลือกจะเดินเรื่องด้วยการแบ่งเป็นสองช่วงเวลา หนึ่งคือปัจจุบัน ที่แบรนดอนและโคลอี้เติบโตเป็นหนุ่มสาว ขณะที่เชลดอน เกรซและวอลเตอร์ เริ่มร่วงโรย พร้อมกับมีเหตุการณ์ที่ท้าทายหลักการของสหภาพฯ เกิดขึ้นอีกครั้ง กับไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นในอดีต ร่ายยาวเล่าเหตุผลที่มาที่ไปก่อนที่พวกเขาจะได้รับพลังนั้นมา ทั้งสองไทม์ไลน์จะใช้สัดส่วนภาพที่แตกต่างกันให้เราแบ่งแยกได้ง่ายขึ้น
แต่ยิ่งตอนผ่านไป การสลับเล่าก็ยิ่งถี่มากขึ้นทุกที และน่าเสียดายสำหรับคนที่คาดหวังฉากแอคชั่น เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยสุดในช่วงแรกและช่วงท้ายของชุดเนื้อหาเท่านั้น ส่วนช่วงตรงกลางนั้นหย่อนลงไปมาก ทีมงานใช้เวลามากมายไปกับการเล่าเรื่องอดีตสลับปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่บทสนทนา ที่เล่ามาตั้งแต่การทำธุรกิจที่เฟื่องฟูและตกต่ำ ไปจนถึงการรวบรวมทีมเดินทางไปยังเกาะ ทั้งหมดใช้เวลาในการเล่าหลายตอน ซึ่งถ้แยกทั้งสองไทน์ไลน์มาเล่าต่อกัน มันคงยิ่งน่าเบื่อกว่านี้อย่างแน่นอน
ทีมงานอาจคิดถูกแล้วที่เลือกจะเล่าสลับไทม์ไลน์ แต่มันก็ยังไม่สนุกได้มากพอ
ในการด้านเทคนิคด้านภาพนั้น ต้องยอมรับว่า บางส่วนก็ทำได้สวยงาม แต่ฉากการต่อสู้กลางแจ้งนั้น ‘ลอย’ อย่างเห็นได้ชัด ด้านดนตรีประกอบก็ถือว่าไม่เลวแต่ไม่โดดเด่นออกมา
ตอนที่ 8 จึงกลายเป็นตอนที่มีวี่แววความตื่นเต้นมากที่สุด และกลายเป็นตอนที่มีความแตกต่างจากตอนอื่นๆ มากที่สุดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการคลี่คลายปมที่รีบร้อนผิดกับความเนิบนาบในตอนก่อนๆ ขณะที่จุดดึงดูดให้คนอยู่กับเรื่องราวที่สุด ก็อาจจะเป็น โคลอี้ที่แสดงโดย Elena Kampouris สาวสวยคมผมสั้นสะดุดตาเป็นที่สุด แต่เมื่อเรื่องราวยังไม่วายมาที่เธอชัดนักก็ทำให้จุดดึงดูดพลอยอ่อนแรงตามไปด้วย
การจะรับชมให้ตลอดรอดฝั่งมาจนถึงตอนจบได้ ยังต้องใช้แรงฉุดรั้งมากพอสมควรเลยทีเดียว