slider2
slider2
previous arrow
next arrow
Jurassic World : Rebirth ปลุกชีพตำนานไดโนเสาร์ พาคนดูย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นกลางป่าดิบไทย

Jurassic World : Rebirth ปลุกชีพตำนานไดโนเสาร์ พาคนดูย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นกลางป่าดิบไทย

ในวันที่โลกภาพยนตร์เต็มไปด้วยจักรวาลแฟรนไชส์อันระเบิดระเบ้อ มีไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ยังสามารถจุดประกายความรู้สึก ‘มหัศจรรย์’ แบบบริสุทธิ์เหมือนวันแรกที่เรารู้จักซึ่ง Jurassic World Rebirth คือ หนึ่งในนั้น โดยครั้งนี้มันกำลังจะพาคนดูย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง

Jurassic World

ภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ได้ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้กำกับมากฝีมือจาก Rogue One และ The Creator มานั่งแท่นคุมงาน ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ที่จะปลุกชีพจิตวิญญาณของ Jurassic Park ภาคแรกในปี 1993 ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งบนจอภาพยนตร์ ไม่ใช่แค่ด้วยฉากไล่ล่าหรือเทคนิคพิเศษล้ำสมัยเท่านั้น แต่รวมไปถึง ‘ความตื่นตะลึง’ แบบที่ผู้ชมรุ่นแรกเคยรู้สึกเมื่อได้ยินเสียงก้าวย่างของ ทีเร็กซ์ กลางสายฝนเป็นครั้งแรก

หนึ่งในนักแสดงนำอย่าง โจนาธาน เบลีย์ รับบทเป็น ดร.เฮนรี่ ลูมิส นักบรรพชีวินวิทยาผู้ถูกส่งไปยังเกาะลึกลับที่ยังคงเต็มไปด้วยไดโนเสาร์สายพันธุ์ดุร้าย เป้าหมายของเขา คือ การเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตที่ถูกลืมเลือนโดยกาลเวลา พร้อมกับตัวละคร ดันแคน คินเคด รับบทโดย มาห์ชาลา อาลี และ โซรา เบนเน็ตต์ สายลับผู้เชี่ยวชาญ รับบทโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน

“มันคือจดหมายรักถึงหนังภาคแรกจริง ๆ” เบลีย์ กล่าวในบทสัมภาษณ์พิเศษกับนิตยสาร Empire “เต็มไปด้วยความพิศวง ความตื่นเต้น และความกลัวที่กลับมาอีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ” ขณะที่ โจแฮนส์สัน ก็เห็นพ้องด้วย โดยเสริมว่า “มันพาเรากลับไปสู่รากเหง้าของเรื่องราว มีฉากชวนตกใจเยอะมาก และเดิมพันในเรื่องนี้สูงมากจริง ๆ”

สิ่งที่ทำให้ รีเบิร์ธ (Rebirth) หรือ การเริ่มต้นใหม่ แตกต่างจากไตรภาคก่อนหน้าอย่างชัดเจน คือ การเปลี่ยนฉากหลังจากเมืองสมัยใหม่ กลับไปสู่ป่าดิบชื้นที่เป็นอาณาจักรของไดโนเสาร์อีกครั้ง ด้วยแนวคิด ‘มนุษย์กลับเข้าสู่โลกของไดโนเสาร์’ แทนที่จะเป็น ‘ไดโนเสาร์บุกโลกมนุษย์’ อย่างที่เราเห็นในภาคก่อน ๆ ซึ่ง เดวิด โคเอปป์ มือเขียนบทจาก Jurassic Park และ The Lost World ได้กลับมารับหน้าที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของแฟรนไชส์ในแบบที่ต้นฉบับเคยทำไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

เพื่อความสมจริงในทุก ๆ มุมกล้อง ทีมงานจึงเดินทางไปถ่ายทำกลางป่าจริงในประเทศไทย แทนที่จะใช้ฉากสตูดิโอ โดย เบลีย์ เล่าว่า “มีงูน้ำพิษว่ายผ่านเราไปจริง ๆ ความกลัวในฉากนั้นมันเป็นของจริงทั้งหมด ซึ่งไม่ต้องแสดงเลย” ทำให้บรรยากาศการถ่ายทำที่อันตรายจึงเสริมให้ภาพยนตร์เปี่ยมด้วยความรู้สึกเสมือนอยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์โลกล้านปีจริง ๆ

แม้ว่าไตรภาค Jurassic World จะพาผู้ชมสัมผัสความล่มสลายของสวนสนุก การไล่ล่ากลางมหานคร หรือการหนีภูเขาไฟที่กำลังปะทุ รีเบิร์ธ (Rebirth) กลับเลือกเส้นทางใหม่ โดยเป็นเส้นทางที่เรียบง่ายกว่า แต่มีพลังมหาศาล นั่นคือ การพาคนดูกลับไปยังต้นไม้ใบหญ้าแห่งยุคจูราสสิกอีกครั้ง

เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นของพวกมันกำลังจะกลับมาและครั้งนี้… คุณอาจไม่มีที่ให้หลบอีกแล้ว

<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่  www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>