The Electric State หนังไซไฟงบ 320 ล้านดอลลาร์ที่มาพร้อมความผิดหวัง
ภาพยนตร์ไซไฟที่หลายคนตั้งตารออย่าง The Electric State กลับทำให้ผู้ชมผิดหวังอย่างมาก โดยมี โจ และ แอนโธนี รุสโซ จาก มาร์เวล มาเป็นผู้กำกับ และผู้เขียนบทจาก MCU เช่น คริสโตเฟอร์ มาร์คัส และ สตีเฟน แมคฟีลี่ แต่ด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 320 ล้านดอลลาร์ กลับไม่สามารถทำให้หนังเรื่องนี้มีความโดดเด่นอย่างที่ควรจะเป็น
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราจะได้เห็นโลกยุค 1990 ที่ผสมผสานความเป็นอนาคตในลักษณะย้อนยุคที่ดูแปลกตา ซึ่งเรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ มิเชลล์ (มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์) เด็กสาวที่ต้องดูแลน้องชายอัจฉริยะ คริสโตเฟอร์ (วูดดี้ นอร์แมน) ที่ชื่นชอบการดูการ์ตูน Kid Cosmo ก่อนที่โลกจะเปลี่ยนไปเมื่อรายการการ์ตูนที่เขาชื่นชอบถูกยกเลิกและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
เรื่องราวพาเราไปยังปี 1994 เมื่อสงครามหุ่นยนต์ได้จบลงแล้ว อีธาน สเกต (สแตนลีย์ ทุชชี่) ได้พัฒนา Neurocaster เทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์สามารถควบคุมโดรนหุ่นยนต์และใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงได้ ขณะที่ร่างกายจริงยังคงอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ๆ ทำให้มนุษย์มีชีวิตทางกายภาพที่แท้จริงน้อยลง
หลังจากที่ มิเชลล์ สูญเสียพ่อแม่ในสงครามและเชื่อว่าน้องชายของเธอได้ตายไปแล้ว แต่เมื่อเธอได้พบหุ่นยนต์ที่มีลักษณะคล้ายกับตัวละครจากการ์ตูน Kid Cosmo ทำให้มิเชลล์เริ่มเชื่อว่าน้องชายของเธอยังมีชีวิตอยู่
คริส แพรตต์ มารับบท คีตส์ นักลักลอบค้าของเถื่อนที่มาพร้อมกับหุ่นยนต์คู่หู เฮอร์แมน (พากย์เสียงโดย แอนโธนี แมคกี้) พวกเขาออกเดินทางเพื่อค้นหาคริสโตเฟอร์และหาทางหยุดแผนการของ สเกต ที่ต้องการควบคุมโลกด้วยเทคโนโลยีนี้
แม้จะมีนักแสดงฝีมือเยี่ยมอย่าง จิอันคาร์โล เอสโปซิโต ที่รับบทเป็น พันเอกแบรดบิวรี, เคอ ฮุย ควาน ที่รับบทเป็น ดร.แอมเฮิร์สท์ หรือแม้กระทั่ง วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ที่พากย์เป็นหุ่นยนต์ มิสเตอร์พีนัท แต่ตัวละครเหล่านี้กลับไม่สามารถช่วยพยุงเรื่องราวให้มีชีวิตชีวาได้เลย
นอกจากนี้ เพลงประกอบที่ถูกเลือกใช้ เช่น I Fought the Law, Breaking the Law และ Ride of the Valkyries ก็ยังไม่ได้เพิ่มมิติให้กับหนังในทางที่ดีขึ้น กลายเป็นว่าผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในความพยายามที่อ่อนแอในการสื่อสารประเด็นใหญ่ของเรื่อง
ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีภาพที่น่าประทับใจและเรื่องราวที่ตั้งใจสื่อถึง อันตรายจากการพึ่งพาเทคโนโลยีและการเลือกปฏิบัติต่อหุ่นยนต์ ทว่า The Electric State กลับไม่สามารถสื่อสารได้ดีเท่าที่ควร กลายเป็นเพียงอาหารจานด่วนที่ดูหรูหรา แต่ไร้คุณค่าราคามากกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ให้ข้อคิดอะไรใหม่ ๆ
ดังนั้น หากคุณคาดหวังอะไรที่ลึกซึ้งและน่าติดตามจาก The Electric State อาจจะต้องพิจารณาใหม่ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีทุกอย่างยกเว้น ‘ความท้าทายที่คุณคาดหวัง’
<< ติดตามหนังดี ซีรีส์ดังก่อนใครได้ที่ www.uhdmax.net | www.inwiptv.org >>