[รีวิว] News of the World | การเดินทางของคนเล่าข่าวกับสาวน้อยผู้กำพร้า
จะว่าไป ทอม แฮงค์ส ก็เป็นนักแสดงมากความสามารถที่ผมเองติดตามผลงานมานานมากคนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เนี่ย เราก็จะได้ชื่นชมผลงานของเขาบนจอยักษ์ในโรงหนังมืดๆ ช่ายมะ ที่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ดูหนังที่ทอมแสดงในจอทีวี “News of the World” คือภาพยนตร์เรื่องที่มีโอกาศได้ดูทางบริการ Netflix และลีลาการแสดงและบทบาทที่เขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย…อีกครั้ง
หนังที่เล่าเรื่องราวย้อนไปราวปี 1870 เรื่องนี้ จะเรียกรวมเป็นหนังสไตล์คาวบอย หรือ Western Genre ก็น่าจะย่อมได้ เรื่องราวของชายหนุ่มที่กลายสภาพจากทหารนักรบในสงครามกลายเป็นนักเล่าข่าวที่เร่ร่อนจากเมืองสู่เมืองพร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ
ก่อนที่เขาจะเจอเด็กหลงทาง
เรื่องย่อหนัง News of the World
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในปี 1870 หรือห้าปีหลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง ร้อยเอก เจฟเฟอร์สัน โคล์ คิดด์ (Tom Hanks จากหนังเรื่อง Apoll 13, Bride of Spies และ Captain Phillips) อดีตทหารผู้ผ่านศึกสงครามมาสามหน ปัจจุบันเขาเดินทางจากเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่งในฐานะนักเล่าเรื่องจริงจากหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับที่เขามักพกไปด้วย เขามักหยิบข่าวที่น่าสนใจและเหมาะกับคนเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวของประธานาธิบดีกับราชินี เรื่องของเจ้าของที่ผู้สูงศักดิ์ ภัยพิบัติที่ก่อความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และเม้แต่เรื่องราวการเดินทางที่น่าสนใจจากหลากหลายมุมของโลกใบนี้
ในช่วงเวลาที่เขาเดินทางบนพื้นที่รกร้างในรัฐเท็กซัส เขาก็ได้พบกับเด็กหญิงวัยสิบขวบคนหนึ่ง เธอชื่อ โจแฮนนา (Helena Zengel จากหนังเรื่อง System Crasher, Dark Blue Girl และ Baby Bitchka) เด็กกำพร้าที่ถูกชาวคีโอวาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เมื่อหกปีก่อน ตอนนี้ เธอพูดอังกฤษไม่ได้ฟังภาษาของเขาไม่ออก ทั้งยังดูจะต่อต้านต่อโลกภายนอกที่เธอไม่เคยรู้จักคิดด์ คิดออกได้อย่างเดียวถึงหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเด็กคนนี้ คือหาทางส่งเธอกลับไปอยู่กับป้าและลุงของเธอ เขาเดินทางหลายร้อยไมล์มุ่งหน้าสู่พื้นที่บ้านป่าเมืองเถื่อน ผ่านพานพบเจออันตรายต่างๆ นานา
เพื่อค้นหาบ้านของญาติเพียงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ของเด็กหญิงคนนี้ให้พบ
รีวิวหนัง นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์
หนังเรื่องนี้เหมือนว่าเคยจะได้เข้าโรงในไทยมาก่อน แต่ในที่สุด เราก็ได้รับชมมันในบ้านของตัวเอง เรื่องราวที่ทำให้ทอม แฮงค์ส กลายเป็นชายผู้ชีวิตของเขาแปรเปลี่ยนไปมากเพราะสงคราม การฆ่าฟันที่เขาต้องเข้าไปมีส่วนร่วม ทำให้ชีวิตของเจ้าของหนังสือพิมพ์ต้องสูญเสียธุรกิจตั้งเดิมไปทั้งหมด สูญเสียกระทั่งเมียสุดที่รักที่เหลือไว้เพียงรูปในล็อกเก็ต การที่เขาได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งผู้ซึ่งเติบโตมากับครอบครัวอินเดียนแดงทำให้เธอไร้ความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับผู้คนและสังคม เขาจึงกลายเป็นผู้เดียวที่จะพาเด็กน้อยไปยังพื้นที่ที่น่าจะปลอดภัยและดีกับเธอที่สุด
แรกๆ เขาก็คิดว่า ชีวิตของการเป็นนักเล่าข่าวที่ร่อนเร่ไปทั่ว อาจจะไม่เหมาะกับการดูแลเด็ก เขาพยายามจะส่งเธอให้คนของทางการ แต่ดูเหมือนจะไม่เวิร์ก ถนนหนทาง การไปมาติดต่อช่างลำบากยากเช็ญ สุดท้าย จากที่คิดว่าจะดูแลโจแฮนนาไม่ได้ก็กลับต้องได้ไปโดยปริยาย
มันเป็นหนังแนวผจญภัยจริงๆ เพราะทั้งเรื่อง ร้อยเอกผู้นี้เดินทางอยู่บนรถม้า พักค้างและหากินจากการเล่าข่าวแลกกับเงินจำนวนน้อยนิด เช้ามาก็ออกเดินทางไปเมืองต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะบอกได้ก็คือ การมีโจแฮนนาคนนี้ทำให้ชีวิตของนักเล่าข่าวอย่างเขามีจดหมายเพิ่มเข้ามา
ทั้งยังทำให้เขาได้กลับไปยังเมืองที่อดีตภรรยาเคยอยู่…ใต้ผืนดิน
ระหว่างทาง หนังก็ไม่ได้ทำให้มันเรียบง่ายจนน่าเบื่อแต่อย่างใด เพราะร้อยเอกคิดด์และโจแฮนนาต้องพบเจออุปสรรคหลายสิ่งทั้งจากคนที่เขาได้ไปพบเจออย่างไม่ตั้งใจ หรือแม้แต่ธรรมชาติที่โหดพอตัว เด็กหญิงที่ตอนแรกที่ดูจะไม่อาจเข้ากันกับเขาได้ก็กลับช่วยให้เขาฝ่าฟันมันได้
ก่อนที่ลุงกับหลานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด…เดินทางผ่านไปเจอกับจุดหมายปลายทาง
เป็นหนังที่พาเราเดินทางไปเรื่อยๆ บนพื้นที่อันรกร้าง ขึ้นเขาบ้าง ผ่านหมู่ไม้รกครื้มบ้าง อุปสรรคระหว่างทางมีทั้งการต่อสู้กันด้วยปืนกัน การถูกลอบทำร้ายยามค่ำคืน เอาเป็นว่าระหว่างทางมันทำให้ความสัมพัมธ์ของลุงและหลานมันหันเข้าหากันมากขึ้น จนทำให้ผู้ชมอย่างผมรู้สึกว่า ลุงคงไม่อยากทิ้งหลานไปหรอก เหลือตัวคนเดียวไม่เหรอ ไรงิ
ไม่ทันระวังตัว น้ำตาซึมไหล อินกับเรื่องของลุงกับหลานไปได้ซะงั้น…
ชีวิตของลุงที่เปลี่ยนไปมากมายท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชาติพันธุ์ การเดินทางหลายร้อยไมล์บนหลังม้าของลุงก็เช่นกัน เหมือนเป็นการเดินทางแห่งจิตวิญญาณที่ทำให้ลุงได้พบคำตอบใหม่ เข้าใจหัวใจตัวเองและค้นพบเส้นทางสายใหม่เพื่อที่จะก้าวเดินต่อไป