เมื่อหญิงสาวต้องขึ้นบิน B- 17 แต่กลับต้องมาช่วยยิงข้าศึกทั้งรับมือกับสัตว์ประหลาด

ต่อให้ไม่ได้เป็นนักดูหนังก็น่าจะเคยผ่านตากับผลงานของ โคลอี้ มาหลานเรื่องอยู่ แต่วันนี้ทางเอ็มพิคเจอร์นำเข้าหนังเรื่องใหม่ของเธอเข้ามาฉายในไทยให้ดูกันแล้วละ  Shadow in the Cloud ชื่อไทย ประจัญบานอสูรเวหา เรื่องราวของหญิงสาวจอมแกร่งที่ขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกับพัสดุที่เป็นความลับและได้พบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญกลางเวหานั้น

โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ แสดงหนังมาหลายเรื่องแล้ว ที่คุ้นหูก็น่าจะไม่พ้น Kick-Ass, The 5th Wave, Carrie และ Let Me In ซึ่งจริงๆ ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เข้ามาฉายในบ้านเรา ด้วยชิ้นงานที่หลายครั้ง เธอเเสดงได้ทั้งสาวใส สาวคลั่ง สาวแกร่ง และในวันนี้เธอกลับมาเป็นสาวแกร่งอีกครั้ง

ในหนังที่มีทั้งสงคราม เครื่องบินรบ และ….สัตว์ประหลาด

เรื่องย่อหนัง Shadow in the Cloud

การ์เร็ต (Chloe Grace Moretz/โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ จากหนังเรื่อง The 5th Wave, If I Say และ Let Me In) หญิงสาวที่ใส่ชุดทหารมาขึ้นเรื่องบิน B-17 ลำหนึ่งในช่วงแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง เธอมาพร้อมกับกระเป๋าในหนึ่งและจดหมายสั่งการ บอกกับทหารและลูกเรือบนนั้นว่า ให้คุ้มครองเธอผู้กำลังทำภาระกิจนำส่งแพ็คเกจที่เป็นความลับ

แต่เธอกลับถูกขับไสไล่ส่งให้ลงไปในป้อมปืนที่อยู่ด้านล่างลำตัวเครื่องบิน

ดูเหมือนเธอจะขึ้นมาบนเครื่องบินลำนี้ด้วยสาเหตุผลบางอย่าง และสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้นคือสิ่งที่ชวนสงสัย แต่ดูเหมือนเครื่องบินลำนี้จะไม่ได้ขนแค่คน หากแต่มีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นติดมาด้วย

และเห็นที การ์เร็ตจะต้องออกโรงเองเสียแล้ว

รีวิวหนัง ประจัญบานอสูรเวลา

นับว่าหนังเรื่องนี้ มาแปลกอยู่สักหน่อย เมื่อพวกเขาเริ่มต้นเรื่องด้วยการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอนแรกก็ทำเอาเรางุนงงไปเหมือนกันว่า นี่เรามาดูหนังถูกเรื่องมั้ยหว่า แต่หลังจากการ์ตูนจบ และหนังเริ่มไปได้สักพัก ก็เริ่มจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

เอาจริงๆ หนังเรื่องนี้มีความพิเศษอยู่หลายอย่าง

อย่างแรกที่เห็นเลยก็คือ เขาแทบจะเอานักแสดงหญิงคนเดียวในเรื่องมาเล่นคนเดียว จะมีอยู่ช่วงใหญ่ๆ เลยที่จะเห็นน้องโคลอี้อยู่ตัวคนเดียวในป้อมปืน จะมีคนอื่นก็มาเพียงแค่เสียง เหมือนทุกคนมาเป็นแค่ตัวประกอบ เพราะโคลอี้จะโดดเด่นที่สุดเท่านั้นไม่พอ หนังยังเลือกให้นักบินผู้ชายฟังยังระคายหู มันจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าเบื่อที่สุด คงดูต้องอดทนนิดหน่อยก่อนที่ความลุ้นจิกเบาะจะเริ่มขึ้น

การ์เร็ตบอกว่าตัวเองเป็นนักบิน แต่พวกผู้ชายบนนั้นบอกว่าเธอเป็นแค่เด็กส่งของ

หนังเหมือนต้องการจะตอกหน้าเหล่าผู้ชายที่พูดไม่คิด ไร้สมองไตร่ตรองว่าสิ่งใดควรพูดหรือไม่ควร เมื่อเครื่องบินลำนี้เผชิญกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่แอบเข้ามาพร้อมทำลายและหมายทำร้ายเธอ ก็มีแค่เธอนี่แหละที่ช่วยจัดการมัน โดยที่พวกผู้ชายแทบจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

บทหนังเรียกได้ว่า มีความบ้าบออยู่พอสมควร เมื่อเลือกจะให้มันเป็นเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีเครื่องบินญี่ปุ่นเข้ามาโจมตี แต่พวกเขาก็ยังดันใส่เอาเจ้าเกรมลิน สัตว์ประหลาดตัวเดียวทำเครื่องบินลำนี้ป่วนครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่บทก็มีความน่ารำคาญก็ประมาณหนึ่งเช่นกัน นอกเหนือจากเหล่าทหารชายที่เอาแต่หยอกแถมเหยียดการ์เร็ตอย่างสนุกปาก พวกเขาก็กลับไม่เคยจะเชื่อยามเธอเตือนว่ามีสัตว์ร้ายขึ้นมาบนเครื่องด้วย

แถมก็ยังมีความเหลือเชื่ออีกอย่างผสมๆ กัน แต่ถ้ามองว่าดูเอาบันเทิง มันก็บันเทิงอยู่นะ

โดยรวมแล้ว มันเป็นหนังที่ชวนระทึก คนดูจะรู้สึกตื่นเต้นลุ้นเต็มที่เอาใจช่วยนางเอกให้รอด แต่ไม่เชิงเป็นแอคชั่นจ๋ามากนัก เพราะหนังแบงพื้นที่ให้กับเรื่องการเหยียดเพศบวกกับการตอกกลับหน้าหงาย ผสมกับบทแบบ ‘อิหยังวะ’ ที่จัดเต็มมาเพื่อความบันเทิงล้วนๆ นางเอกจะเก่งเวอร์แต่คนดูจะเอาใจช่วยสุดฤทธิ์

ถือว่า ทำให้หายคิดถึงน้องโคลอี้ไปได้มากพอสมควรเลย!!