slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รวม 10 หนังแอ็คชั่นดิสโทเปีย ที่หนังถูกเล่าผ่านเรื่องราวหลังโลกล่มสลาย

โลกดิสโทเปีย โลกที่เปรียบเสมือนโลกที่ล้มสลายไม่ว่าจะเป็นด้วยใดๆ ที่ต้องทำให้มนุษย์ต้องย้ายที่อยู่ ต้องฆ่ากันเอง หรือไม่ก็แม้แต่ต้องตาย แต่มันก็ไม่ใช่นั้นยังมีทั้ง ภัยธรรมชาติที่รุนแรงทำให้ผู้คนต้องตาย ไวรัสที่ถูกแพร่ระบาย และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ในโลกดิสโทเปียจะถูกสร้างขึ้นและจำลองมาจากหนังและส่วนใหญ่หนังจะออกแนวแอ็คชัน วันนี้ เราจึงจะแนะนำหนังที่จำลองโลกดิสโทเปียออกมาให้ได้รับชมกัน

Mad Max: Fury Road (2015) – คะแนน 8.5/10

Mad Max: Fury Road
Mad Max: Fury Road

ถ้าพูดถึงหนังที่โลกล่มสลายหรือสภาพแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนไปก็คงจะพูดถึงหนังเรื่อง Mad Max: Fury Road ไม่ได้ เพราะด้วยความที่หนังมีองประกอบของส่วนต่างๆ ที่นำเอามาเข้ากันให้ออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นตัวของพอตเรื่อง ฉากสถานที่ของหนัง และรวมถึงจุดเด่นและประเด็นต่างๆ ที่ไม่ได้ดูซับซ้อนชวนให้งง สำหรับใครที่ชื่นชอบหนังแนวแอ็คชั่นและชื่นชอบในการขับรถชิ่งแล้วละก็หนังเรื่องนี้รับลองว่าต้องไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

 

Oblivion (2013) – คะแนน 7/10

Oblivion
Oblivion

Oblivion หนังไซไฟที่ไม่เน้นแอ็กชัน แต่หนังจะมีความเป็นส่วนผสมของหนังผจญภัยกับดราม่าเรื่องรักซะมากกว่า ที่จะผ่านการดำเนินเรื่องราวอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป แต่ด้วยหนังที่มีส่วนขององค์ประกอบที่จะทำให้ได้รู้สึกเหมือนเราได้อยู่ในนั้นตลอดเวลา องค์ประกอบทั้งหมดที่นำมารวมจนเข้ากันจนทำให้หนังจะดูเนือยๆ แต่กับให้เรารู้สึกสนใจและน่าติดตามเรื่องราวต่างๆ ที่ค่อยถูกเปิดเผยออกมาที่ละนิด ถึงแม้เรื่องราวฟังดูอาจจะน่าเบื่อแต่หนังกับทำให้เรารู้สึกตรงกันข้ามเลยทั้งน่าสนใจและอยากติดตามไปจนจบเรื่องเลยละ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน 

 

Chaos Walking (2021) – คะแนน 8/10

Chaos Walking
Chaos Walking

นับว่าเป็นหนังไซไฟฟอร์ยักที่น่าติดตามอีกเรื่องกับ Chaos Walking ที่ถูกดัดแปลงมาจากนิยายขายดีของ Patrlck Ness สำหรับหนังที่สร้างจากนิยายแล้วละก็ Chaos Walking ยังคงมีความเป็นกลิ่นอายความเป็นฉบับอยู่มาก แต่ภาคต่อไปก็คงอาจจะเล่าเรื่องให้ดูแตกต่างมากกว่านี้ สำหรับภาคนี้ก็คงมีแค่สำหรับปูเรื่องราวต่างๆ จึงทำให้หนังยังดูไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควรจะเป็น บางตัวละครที่ก็ชวนให้สงสัยว่าสำคัญอย่างไร บางเหตุการณ์ที่หยิบยกมาแค่เล่าประกอบ และอีกหลายๆ อย่างเพื่อเก็บไว้สำหรับภาคต่อไป หนังจึงยังไม่ถึงขึ้นให้น่าชวนให้จดจำมากเท่าไหร่แต่ก็นับว่าหนังยังดูเข้าใจง่าย และสนุกพอสมควร

 

Divergent (2014) – คะแนน 6.5/10

Divergent
Divergent

เรื่องราวจากหนังสือสู่การเล่าเรื่องราวผ่านหนัง Divergent พอได้ดูแล้วจะต้องนึกถึง The Hunger Games ด้วยเพราะหนังจะออกหนังที่เหมือนกันทำให้นึกถึงโดยอัตโนมัติ Divergent เป็นหนังที่สร้างจากหนังสือนิยายที่มีถึงสามเล่ม สำหรับใครที่เคยอ่านมาก็คงจะชอบกับหนังเรื่องนี้ แค่ถ้าใครที่ไม่เคยอ่านมาก็คงอาจจะทำให้เบื่อหรือไม่เข้าใจได้ แต่ถึงแม้หนังจะถูกสร้างจากนิยายแต่หนังกับไม่ได้เจาะลึกมากนักจึงทำให้หนังจะดูแตกต่างจากตัวนิยายเป็นอย่างมาก หนังจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับสองตัวเอกซะเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้บางเหตุการณ์ทำให้เราคนดูชวนงง แต่ก็ถือว่าหนังสนุกใช้ได้ ช่วงแรกอาจมีง่วงบ้างแต่โดยรวมถือว่าดูได้เพลินๆ เนื้อเรื่องเน้นเเอคชั่นและสังคม กับฉากความรักนิดหน่อย  สำหรับใครที่ชอบดูหนังแนวดิสโทเปียก็ถือว่าโอเคเลยละ

 

Snowpiercer (2013) – คะแนน 8.5/10

Snowpiercer
Snowpiercer

เมื่อมนุษย์เราต้องการที่จะหยุดปัญหาโลกร้อนแต่กลับสงผลทำให้โลกเรากลับสู่ยุคน้ำแข็ง มนุษย์ส่วนนึงจึงต้องย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในรถไฟ หนังที่แอ็คชัน ไซไฟ ที่เสียดสีสังคมชนชั้นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและการเล่าเรื่องที่ดูมีชั้นเชิง ทำให้หนังดูน่าติดตามเป็นอย่างมาก และรวมถึงฉากหนังที่ได้ถูกออกแบบมาได้อย่างโดดเด่น ฉากการปะทะที่ดูแล้วก็ลุ้นตามๆ กันไป โดยรวมแล้ว Snowpiercer นับเป็นหนังเรื่องที่คุณไม่ควรพลาด ทั้งฉากจากจบที่ต้องเหวอไปตามๆ กัน

 

The Hunger Games (2012) – คะแนน 9/10

The Hunger Games
The Hunger Games

หนังที่จำลองเหตุการณ์โลกหลังล้มสลายทำให้รัฐต้องแบ่งพื้นที่เป็นเขตต่างๆ ทำให้เราจะได้เห็นกับการแบ่งชนชั้นอย่างเห็นได้ชัด ผ่านการที่เราจะได้พื้นที่เขตแต่ละพื้นที่ ที่แตกต่างกันแทบทุกอย่าง ทั้งเครื่องแบบ ฐานะ และสิทธิต่างๆ ของผู้คน ทำให้เป็นที่มาของ The Hunger Games ที่จะนำคนจากเขตแต่ละเขต เพื่อมาแข่งขันฆ่ากันเพื่อเอาชีวิตรอด หนังมีการเสียดสีสังคมนิดหน่อยแต่ตัวหนังจะเน้นเล่าเกี่ยวกับนางเอกที่ต้องใช้ทักษะต่าง และเจอมิตรภาพต่างเพื่อที่จะทำให้เธอมีชีวิตรอดออกไป ฉากแอ็กชั่นที่ต้องบอกได้เลยว่ามันและลุ้นไปกับทุกช่วงของหนัง นับได้ว่าเป็นหนังแอ็คชั่น ไซไฟ เอาชีวิตรอดในโลกดิสโทเปียที่น่าติดตามไม่ควรพลาด ดูกันเพลินๆ เพราะมีถึง 4 ภาคเลยนะ

Maze Runner (2014)- คะแนน 8/10

Maze Runner
Maze Runner

หนังที่ถูกสร้างจากนิยายอันโด่งดัง ที่จะเล่าถึงหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่ถูกจับมาขังไว้ในใจกลางเขาวงกต สำหรับใครที่ไม่เคยได้อ่านนิยายมาก่อนแล้วละก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่องหรือไม่สนุก เพราะโดยรวมแล้วหนังได้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสนุกและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน หนังดูมีอะไรให้น่าค้นหาอยู่เสมอจนทำให้หนังดูน่าสนใจ เป็นหนังแอ็คชั่นที่แค่ดูฉากตอนวิ่งในเขาวงกตก็ยังตื่นเต้นไปตามๆ กัน แถมมีฉากหักมุมที่อาจจะทำให้ใครหลายคนชื่นชอบก็เป็นได้ แนะนำให้ลองไปหาดูเลยสนุกแน่นอน

 

Elysium (1999) – คะแนน 7/10

Elysium
Elysium

หนังแอ็คชันไซไฟดิสโทเปียที่มีคุณภาพอีกเรื่อง เพราะด้วยฉากแต่ละฉากที่จำลองภาพอนาคตออกมาได้เป็นอย่างดี แต่หนังแอ็คชันที่จะออกแนวคล้ายๆ ต่อสู้กันหนังกับทำออกมาได้ยังไม่โดดเด่นพอเท่าหนังเรื่องอื่นๆ แต่โดนรวมก็ถือว่าผ่านพอมีความสนุกใช้ได้การเล่าเรื่องราวที่ดูไม่ได้ซับซ้อนเกินไป ก็ทำให้หนังยังพอมีความบันเทิงอยู่บ้างก็ดูเพลินๆ ได้อยู่ สำหรับใครที่ชื่นชอบหนังแนวแอ็คชันไซไฟโลกอนาคต เรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาดนะ

 

The Matrix (1999) – คะแนน 9/10

The Matrix
The Matrix

หนังที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการภาพยนต์ หนังแอ็คชันไซไฟที่ทำให้ใครหลายๆ คนชื่นชอบ หนังที่มีความแปลกตาและพอตเรื่องที่ดูจะเป็นอะไรใหม่ในยุคนั้นจึงทำให้กลายเป็นจุดเด่นของหนังที่มีฉากแอ็คชันที่ทำให้ใครหลายคนได้จนจำ ฉากและเรื่องราวต่างๆ ที่แฝงไปด้วยปริศนาที่ให้เราไปคิดกันทำให้หนังนั้นดูน่าติดตามไปเรื่อยๆ การเล่าเรื่องราวที่ดูมีชั้นเชิงทำให้หนังดูน่าสนใจขึ้นไปอีก โดยรวมแล้ว The Matrix เป็นหนังสายคอแอ็คชันไซไฟแล้วละก็ คุณไม่ควรจพลาดสำหรับเรื่องนี้เลยละ

 

Blade Runner 2049 (2017) – คะแนน 7.5/10

Blade Runner
Blade Runner

หนังภาคต่อจาก Blade Runner 1982 หนังไซไฟ ที่เล่าเรื่องราวแบบเนิบแต่เต็มไปด้วยความเข้มข้น ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าหนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 43 นาที สำหรับใครบางคนอาจจะดูไปแล้วเบื่อไปเลยก็ว่าได้เพราะด้วย แนวการเล่าเรื่องของหนังนั้นจะไปในรูปแบบช้าค่อยๆ ไปไม่รีบร้อน แต่ตัวด้วยฉากและการสร้างสรรค์ฉากและการดีไซน์เมืองออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้เราอยากจะเห็นฉากพวกนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีแค่เพียงเมืองที่เป็นส่วนประกอบแต่ทั้งสภาพพื้นที่และภูมิอาศที่เราจะได้เห็นในหนังที่รวมเข้ากับเพลงประกอบมันกับทำให้เราได้อินไปกับหนังเหมือนเราได้เดินตามไปกับเรื่องราวของหนัง สำหรับใครที่อยากจะมาดูแค่ฉากแอ็คชันแล้วละก็คงต้องผิดหวังแน่นอน หนังไม่ได้เน้นเรื่องของแอ็กชันเลยสักนิดถึงแม้จะมีฉากแอ็กชั่นแต่จะตัดสลับกับฉากเล่าแบบนิ่งๆ ตัวหนังจะเน้นเล่าเรื่องที่แอบแฝงปรัชญานิดหน่อย หนังจะปล่อยให้เราคนดูได้ค้นหาและคิดตามไปกับตัวเอกของเราไปแบบเงียบๆ และค่อยเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ ออกมาไปจนจบ หนังได้เล่าเรื่องราวเก่งขนาดที่จะทำให้เราอึ้งไปแพ้ไปกับตัวละครแน่นอน เมื่อทุกอย่างที่เราเข้าใจมาตลอดแต่กลับเป็นเพียงแค่สิ่งที่หนังอยากให้เราเข้าใจผิด หากคุณเป็นคอหนังไซไฟไม่เน้นแอ็คชันรับรองเรื่องนี้ไม่ควรพลาด

————————————————————–

นี้เป็นเพียงแค่การหยิบยกมาแนะนำกันเท่านั้น จริงๆ แล้วหนังที่เล่าเรื่องราวผ่านโลกแนวดิสโทเปียยังมีอีกมากมายเลย อย่างเช่น Dawn of the Planet of the Apes, The Book of Eli, Waterworld, Love and Monsters, Brazil เป็นต้น