slider2
slider3
previous arrow
next arrow
รีวิวหนัง A Quiet Place Part II | ดินแดนไร้เสียง 2

ทิ้งช่วงไปนานพอประมาณเลยทีเดียวนะจากภาคแรก ดินแดนไร้เสียงภาคแรกเข้าฉายปี 2018 ก่อนจะมีภาคสองตามมาและโดนสถานการณ์ระบาดของไวรัสทำให้ต้องมีอันเลื่อนฉายอยู่หลายครั้งหลายครั้ง ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจะเลื่อนอีกต่อไปแล้ว ทำให้พื้นที่สร้างรายได้อย่างกรุงเทพมหานครล้วนถูกปิดโรงหนัง หลายที่อยากจะดู A Quiet Place Part II หรือชื่อไทย ดินแดนไร้เสียง 2 ต้องตะลอนออกไปดูหนังตามโรงรอบนอกเอาเอง

A Quiet Place Part II

จากภาคตั้งต้นที่สร้างความฮือฮาเอาไว้มากมาย กลายเป็นการรอคอยที่จะได้สนุกลุ้นว่าเขาจะเล่าอะไรในภาคสอง เรื่องราวของครอบครัวที่สูญเสียทั้งสามีและลูกชายคนรองในภาคแรก พวกเขาจะพบเจอการผจญภัยอะไรต่อในภาคนี้ หนังที่เซ็ตโลกให้ผจญกับภัยจากเอเลี่ยนต่างดาวอย่างไม่รู้ที่มา แถมยังเป็นต่างดาวที่มีทั้งโสตประสาทและพลังสังหารขั้นสุดยอด

จนมนุษย์แทบสูญพันธุ์

 

เรื่องย่อหนัง A Quiet Place Part II

หลังการสูญเสียสามีอย่าง ลี (John Krasinski/จอห์น คราซินสกี จากเรื่อง 13 Hours, Something Borrowed และ Promised Land) และลูกชายคนรองไป เอเวอลีน (Emily Blunt/เอมิลี บลันท์ จากหนังเรื่อง The Girl on the Train, Into the Woods และ Sicario) ได้ทารกคนใหม่ที่ต้องทะนุถนอมและดูแลเขาให้รอดจนเติบโต และเธอก็ยังมี เรแกน (Millicent Simmonds/มิลลีเซนต์ ซิมมอนดส์) และ มาร์คัส (Noah Jupe/โนอาห์ จูป) ที่เรียนรู้เข้าใจสถานการณ์ที่ครอบครัวกำลังเผชิญมากขึ้น หลังบ้านหลังเก่าถูกไฟไหม้ไป เธอและลูกทั้งสามกำลังโยกย้ายหาสถานที่แห่งใหม่เพื่อพักพิง

มันคือการผจญภัยครั้งใหม่ของครอบครัวแอบบอต

 

ทั้งสี่ออกจากทุ่งข้าวโพดสู่พื้นที่โรงงานร้างและได้พบกับเพื่อนเก่าอย่าง เอมเมตต์ (Cillian Murphy/ซิลเลียน เมอร์ฟี จากหนังเรื่อง Inception, 28 Days Later… และ In Time) ชายผู้เหลือเพียงตัวคนเดียวและสร้างอาณาเขตเพื่อการเอาตัวรอดอย่างสมบูรณ์แบบ การมาของครอบครัวนี้จะทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป คำพูดที่เขาฝากไว้ “ผู้คนที่ยังเหลือ ไม่ใช่พวกที่คู่ควรให้ช่วย” ผู้คนที่เขาว่านั้น

มันรวมครอบครัวของเธออยู่ด้วยหรือเปล่า

 

รีวิวหนัง ดินแดนไร้เสียง 2

ผจญภัยในโลกไร้เสียงดำเนินมาถึงภาคที่สองแล้ว [และแน่นอนว่า จะมีภาคที่สาม] น่าสนใจอยู่เหมือนกันว่า หนังจะพาเราไปทางไหน มีอะไรที่จะเล่าได้อีก หรือจะมีตัวละครใหม่ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคนี้ มีพื้นที่ใหม่ที่กลายเป็นโลเกชันในการสู้รบกับเอเลี่ยน รวมไปถึงมีภารกิจใหม่ๆ ที่ตัวละครต้องฝ่าฟันร่วมกัน หลังรอคอยกันมานานเป็นปี ได้เวลาอำมหิต[โคตร]เงียบในโรงภาพยนตร์

ครอบครัวเดิม เพิ่มเติมคือใหม่หมดทุกอย่าง

เรื่องราวยังคงเล่าโดยมีจุดศูนย์กลางคือ ครอบครัวแอบบอตครอบครัวเดิมที่จะขาดสมาชิกบางส่วน แต่ในวันที่พวกเขาย้ายออกมาจากบ้านหลังที่ยับเยินจากการบุกรุกของเอเลี่ยนและการตอบโต้กลับของเหล่าแม่ลูก เขาก็มาพบเจอกับชายไว้เครา เอมเมตต์ ผู้ที่เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทางคนใหม่ ซึ่งแท้ที่จริงก็เป็นเพื่อนบ้านของเอเวอลีนมาก่อนนั่นเอง แม้ดูเหมือน เขาจะไม่ค่อยอยากต้อนรับครอบครัวนี้มากนัก แต่ในที่สุด ก็เลี่ยงไม่ได้ต้องให้อยู่

ขณะเดียวกัน พวกเขาก็นำการเผชิญหน้าสุดระทึกเข้ามาด้วย

A Quiet Place Part II

ในหนังบอกเล่าสัญญาณเล็กๆ ของการออกจากพื้นที่คุ้นเคย สู่พื้นที่ที่พวกเขาไม่เคยกร้ำกรายออกไปเลย ทรายที่โรยไว้ตามทางเดิน ที่พวกเขาเหยียบย่าง จากนี้จะไม่มีอีกแล้ว พื้นที่แห่งใหม่จะมีทั้งสิ่งที่ไว้ใจได้และไว้ใจไม่ได้

แต่ความเป็นครอบครัวจะยังคงแข็งแกร่งสูงสุดเสมอ

 

ครอบครัวที่กระจัดกระจาย แต่สู้เพื่อกันและกัน

หนังเลือกจะหันไปเล่าวันแรกของโลกที่ต้องเผชิญกับภัยร้ายไม่คาดฝัน วันที่เอเลี่ยนลงมายังพื้นโลก วันที่พวกเขายังมีลีผู้เป็นสามีและพ่อ ทั้งยังบอกเล่าถึงตัวละครตัวใหม่ที่กลับมาเจอกันอีกครั้งโดยบังเอิญ

ปัญหาที่ครอบครัวนี้มี ยังคงเสี่ยงต่อความอยู่รอดอย่างครบครัน เด็กทารกที่พร้อมจะกระจองอแงได้ตลอดเวลา แต่พวกเขาก็มีอุปกรณ์และพื้นที่ที่เก็บเสียงได้มากขึ้น ลูกชายที่เดิมก็แข็งแรงแต่ครั้งนี้เขาทำตัวเองให้เจ็บ ลูกสาวที่หูหนวกที่พึ่งพาได้มากที่สุดกำลังได้พบเจอกับประสบการณ์เสี่ยงตายครั้งใหม่

A Quiet Place Part II

ภาคนี้ เซ็ตให้แต่ละตัวละครที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ต้องกระจัดกระจายแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตัวเอง การดำเนินเรื่องจึงเล่าสลับกันไปมาถึงสถานการณ์ที่แต่ละคนกำลังเผชิญ คนดูก็จะได้ลุ้นไปพร้อมๆ กัน ว่าคนนั้นจะพบเจออะไร จะผ่านมันไปได้ไหม และจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งได้ไหมหรือในสภาพไหน

การที่เรารู้จักครอบครัวนี้มา 1 ภาคแล้ว ในภาคนี้ เราจะคอยลุ้นเอาใจช่วยอย่างไม่ทันรู้ตัวอย่างแน่นอน

 

A Quiet Place จำลองความเงียบ

หนังยังคงใช้ประโยชน์จากความสามารถพิเศษของเอเลียนที่พัฒนาประสาทการรับฟังจนได้ยินแม้เสียงที่เบาที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ใส่ตัวละครมนุษย์ที่สูญเสียประสาทการได้ยิน เรแกน ใช้ภาษามือคุยกับแม่ เพราะความเฉลียวฉลาด เธอจึงใช้พลังของเสียงและอุปกรณ์ช่วงฟังของเธอ สร้างเป็นอุปกรณ์ในการต่อสู้ และหลายครั้งหนังก็เลือกจะใช้ความเงียบไร้เสียงใดๆ นอกจากภาพที่เคลื่อนไหว ประหนึ่งจะทำให้คนรู้ไร้การได้ยินเหมือนเรแกน

เรแกนที่สวมบทบาทโดย Millicent Simmonds นักแสดงเด็กจากหนัง Wonderstruck และ A Quiet Place ภาคแรก มีความเชี่ยวชาญด้านภาษามือเป็นอย่างดี เธอกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญที่ครอบครัวจะขาดไม่ได้ นอกจากจะคิดค้นวิธีต่อกรกับเอเลียนหูดีแล้ว เธอก็ยังมีจิตใจที่ห้าวหาญและอ่อนโยน ภารกิจที่เธอเลือกอาจดูโง่เขลาสำหรับบางคน แต่สำหรับเรแกน มันคงเป็นความอัดอั้นถ้าไม่ได้ทำ เป็นโชคดีของเธอที่มีเอมเมตต์ตามไปช่วยเหลือ

A Quiet Place Part II

ยิ่งใกล้จบ ยิ่งลุ้นระทึกหัวใจเต้นรัว

แม้เอเลี่ยนจะร้ายกาจเพียงใดก็ตาม แต่มนุษย์ด้วยกันอาจสร้างความเลวร้ายให้กับสัตว์สปีชีส์เดียวกันได้ยิ่งกว่า หนังสร้างในเอเลี่ยนมีพฤติกรรมที่ตรงไปตรงมา ค้นหาและฆ่าเพียงเท่านั้น แต่กับมนุษย์ด้วยกัน เมื่อพวกเขาผ่านเหตุสุดเลวร้ายเช่นนี้ พวกเขาจึงเปลี่ยนไปมาก ความเลวร้ายของมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน การอยู่รอดในโลกที่เอเลี่ยนบุกฆ่าจนแทบไม่เหลือจึงเป็นความเลวร้ายทั้งสองทาง หนึ่งคือ รอดให้ได้จากเอเลียนที่มีทั้งประสาทการได้ยินเป็นเยี่ยม ความว่องไวเป็นเลิศ และอาวุธสังหารอันเฉียบขาด สองคือ รอดจากมนุษย์ด้วยกันที่พร้อมทำสิ่งต่ำช้าเพื่อความอยู่รอดของตน

สิ่งที่หนังทำได้ดี คือ แม้แต่เวลาที่ไม่มีอะไรมากร้ำกราย แต่ก็แอบหยอดความไม่น่าไว้วางใจเข้ามา ฉากที่แม่ลูกคุยกัน ภาพของหนังก็ยังเหลือพื้นที่เอาไว้ให้คนดูแอบเหล่ว่าจะมีอะไรโผล่มาหรือเปล่า

ภาคนี้เลือกจะให้ตัวละครในครอบครัวเดียวกันต้องแยกกันอยู่รอด หนังจึงเดินเรื่องแบบสลับสถานการณ์ สลับตัวละคร คนดูจึงได้พบกับหนังที่เริ่มต้นด้วยความร้อนฉ่าในภาพเหตุการณ์ของ Day 1 ก่อนจะชิลๆ ในตอนต่อมา แต่ก็ค่อยอุ่นจนร้อนจัดในบั้นปลาย ยิ่งหนังใกล้จบ หัวใจของคนดูเต้นรัวจนแทบจะทะลักล้นออกมาจากอก ลุ้นระทึกและเอาใจช่วยให้พวกเขาเอาตัวรอดจากทุกสถานการณ์ที่ต้องเจอ

ปิดท้าย เสียงเหนื่อยหอบที่ได้ยิน ไม่ใช่ของใคร ของตัวเราเอง!