ไม่ว่าจะเป็นแฟนเกม หรือชอบแฟรนไซส์นี้อยู่แล้วก็น่าจะสนุกกับมันได้อยู่

พักจากซีรีส์คนแสดงแล้วมาดูแอนิเมชันกันบ้างดีกว่า ครั้งนี้ หันกลับมาสนใจเรื่องราวที่สร้างขึ้นมาจากเกม แถมเพิ่งจะลงมาอยู่ในบริการเน็ตฟลิกซ์เมื่อไม่นานมานี่ ‘Resident Evil: Infinite Darkness‘ หรือชื่อไทย ‘ผีชีวะ มหันตภัยไวรัสมืด’

ในบางประเทศจะรู้จักแอนิเมชันเรื่องนี้ในชื่อ ‘Biohazard: Infinite Darkness‘ มันเป็นแอนิเมะซีรีส์จำนวน 4 ตอน ตอนนึงก็ละประมาณ​ 25 นาที ฉะนั้นจึงสามารถดูจบได้ภายใน 1 ชั่วโมง เรื่องราวก็ไม่ได้ซับซ้อนมาก และก็เล่าได้ชวนติดตามดี

เรื่องย่อ ‘Resident Evil: Infinite Darkness’

การระบาดของทีไวรัสดูเหมือนจะลุกลามใหญ่โตมาก เกิดเหตุน่าสงสัยขึ้นในประเทศในเอเชียกลาง ไม่พอยังมาเกิดขึ้นภายในทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ งานนี้คงต้องสืบเรื่องราวและจบงานให้เสร็จโดยไว

หนึ่งคือ ลีออน เอส. เคนเนดี้ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมมือกับคนจากเอ็นจีโออย่างเทอราเซฟ แคลร์ เรดฟิลด์ ที่ช่วยกันสืบสาวราวเรื่องเหตุการแพร่กระจายของเหล่าซอมบี้

รีวิว ‘ผีชีวะ มหันตภัยไวรัสมืด’

ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในแอนิเมชั่นภาคนี้ จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่าง Biohazard 4 (2005) และ Biohazard 5 (2009) เรื่องราวที่ถูกแบ่งเล่าเป็น 4 ตอน

เริ่มด้วยเหตุการณ์ในเปนัมสถาน กับปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตของทีมแมดด็อกส์ พวกเขาเลือกจะฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้สแตนด์บายและลงพื้นที่ไปก่อนจะได้พบกับเหตุบางอย่าง ก่อนที่ในอีก 6 ปีถัดมา กลายเป็นภาพของค่ายผู้ลี้ภัย แคลร์ลงพื้นที่มาและพบเจอภาพวาดที่น่ากลัวของเด็กชายคนพูดไม่ได้คนหนึ่ง จากนั้น ภาพก็ตัดไปที่ทำเนียบประธานาธิบดี ลีออนมาถึงและได้พบกับเหตุไม่คาดฝัน

ซอมบี้อาละวาดมาถึงที่นี่แล้ว

แล้วเรื่องราวก็เริ่มจะเข้มข้นขึ้น ด้วยการสืบสาวความจริงของลีออนที่เก่งทั้งสมองและลีลาต่อสู้ ผู้ชมจะเริ่มได้รู้และเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าอะไรเป็นอะไร พร้อมๆ กับจะได้รู้จักตัวละครเด่นคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น เจสัน ชายร่างใหญ่ผู้ได้รับฉายาฮีโร่แห่งเปนัมสถาน, เฉินเหมย สาวสวยที่ถูกตามมาสืบเหตุการแฮ็คข้อมูลภายใน นอกเหนือจากตัวประธานาธิบดีแล้วก็ยังมีรัฐมนตรีกลาโหมอย่างวิลสันที่โดดเด่นมากเช่นกัน

แอนิเมชั่นซีรีส์ที่เล่าเพียงตอนละ 25 นาที จะมีตอนจบที่น่าสนใจชวนให้อยากดูต่อในทันที

งานภาพนั้น จัดว่าออกมาได้ดีทีเดียว แต่ก็เป็นธรรมดาที่เทคนิคภาพเคลื่อนไหวลักษณะนี้จะมีจุดอ่อนด้านพาร์ทคนที่ดูไม่เนียนและดูแข็งๆ ไปบ้าง ผิดกับวัตถุอื่นที่ไม่ใช่คนนี่ เก็บรายละเอียดดีจนแทบแยกไม่ออกกันเลย แถมด้วยมุมกล้องที่เข้าที เหมือนได้ดูหนังที่มีคนแสดงยังไงยังงั้น ขณะที่เสียงประกอบก็ทำได้ออกมาสมจริง ดนตรีประกอบกับนับว่าส่งไม่เบา องค์ประกอบต่างๆ ถือว่าค่อนข้างดี

การดำเนินเรื่องราวถือว่า ทำได้ดี แม้จะเน้นการเดินเรื่องมากกว่าแอคชันอยู่สักหน่อย ขณะที่ฉากน่ากลัวก็ไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่นัก นัยว่าคนสร้างต้องการดำเนินเรื่องให้สนุกน่าติดตาม แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยใส่ความสยองขวัญเข้ามา ทำให้ยังขาดมิติ จุดขายและการผสมที่ลงตัว

แต่อย่างน้อย ถ้ามีเวลาว่างไม่มากนักและสนใจแฟรนไชส์หรือเป็นแฟนเกมอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ก็เป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่าพอสมควร