slider2
slider2
previous arrow
next arrow
รีวิวหนัง The Power of the Dog | อำนาจบาดเลือดแค้น

กลับสู่ยุคของคาวบอย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ กับบทชายปากกล้าที่ซ่อนความจริงลึกๆ ไว้ข้างใน

ในยุคนี้ที่มีหนังมาเปิดตัวกัยแทบทุกวันและมีหนังหลายเรื่องที่พอเริ่มโปรโมตก็ชักชวนให้เราเฝ้าติดตามว่าเมื่อไหร่หนังจะเข้าฉาย แม้ว่ามันจะไม่ใช่หนังแมสหนังตลาด แต่ด้วยชื่อชั้นของผู้กำกับและนักแสดง อย่างน้อยก็เป็นแรงผลักดันชั้นดีที่ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้รับชมหนังที่ดี และเมื่อวันนั้นมาถึง ก็ได้เวลาที่จะเปิดตาแล้วเสพ ‘The Power of the Dog’

The Power of the Dog' review: Sharp psychodrama has bark and bite - nj.com
Benedict Cumberbatch กับ Kodi Smit-McPhee ในหนังของ Jame Champion

หนังเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดย Jame Champion ยอดผู้กำกับหญิงจากนิวซีแลนด์ มือระดับรางวัลออสการ์ที่เคยคว้ารางวัลบทยอดเยี่ยมและเข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมมาจาก ‘The Piano’ ในปี 1993 หลังห่างหายจากการกำกับหนังมานานหลายปี ปีนี้ เธอกลับมาอีกครั้ง

 

เรื่องย่อหนัง ‘The Power of the Dog’

มันเป็นเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาอดีต เรื่องของ ฟิล เบอร์แบงก์ (Benedict Cumberbatch จากหนังเรื่อง The Imitation Game, Doctor Strange และซีรีส์เรื่อง Sherlock) หนุ่มชาวไร่จอมบงการ ที่ใช้ชีวิตเป็นเจ้าของไร่และนาร่วมกับน้องชาย จอร์จ เบอร์แบงก์ (Jesse Plemons จากหนัง Jungle Cruise, The Irishman และ Bridge of Spies) มานานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ปี 1900 ที่พวกเขาเริ่มต้นมันด้วยกัน

จนวันนี้ ความเปลี่ยนแปลงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีสมาชิกใหม่จะเข้ามาร่วมชายคา

โรส กอร์ดอน (Kirsten Dunst จากหนังเรื่อง Spider-Man, Melancholia และ The Beguiled) หญิงสาวที่สูญเสียสามีไป เธอกลายเป็นหม้ายและดำรงชีวิตด้วยการเป็นเจ้าของร้านอาหารกับปีเตอร์ (Kodi Smit-McPhee จากหนังเรื่อง Alpha, X-Men: Apocalypse และ Dawn of the Planet of the Apes) ลูกชายรูปร่างผอมบางและท่าทีแตกต่างจากชายชาตรีในความคิดของฟิล

เมื่อจอร์จรับโรสเข้ามาบ้านในฐานะภรรยา ฟิลก็เริ่มออกตัวคุกคามหญิงผู้มาใหม่ แถมยังทำตัวเขม่นและข่มลูกชายของเธอ เด็กหนุ่มที่มีงานอดิเรกไม่เหมือนใคร และเรื่องราวบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้มานานกำลังจะถูกเปิดเผย

 

รีวิวหนัง ‘The Power of the Dog’

ดูจากหนังตัวอย่าง ใช่แล้ว มันเป็นหนังแนวคาวบอย แต่ไม่ได้เน้นดวลปืนกันเหมือนเรื่องอื่นหรอกนะ ย้อนเวลากลับไปที่มอนทาน่าในปี 1925 ช่วงที่ภาพเบื้องหลังของมันคือภาพที่คุ้นเคยในหนังแนวนี้ แต่หนังหันมาเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวหนึ่ง

พี่น้องที่แตกต่าง แม่ลูกที่ย้ายเข้าบ้านของชายผู้เหยียดเพศ

พี่น้องที่มีนิสัยใจคอแตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิง ฟิล พี่ชายที่ดูจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดในแบบผู้ชาย แต่ดูจะค่อนข้างเป็นไปในทางเหยียดเพศหญิง มีนิสัยไม่ชอบอาบน้ำ ช่ำชองในการเล่นแบนโจพอตัว มีชายคนหนึ่งที่ชื่อ บรองโก้ เฮนรี่ เป็นเหมือนไอดอล รับช่วงต่อกิจการดูแลไร่ที่ได้รับมาจากพ่อร่วมกับน้องชาย จอร์จ ชายร่างอวบกว่าแต่ก็มีนิสัยที่อ่อนโยนกว่า เป็นน้องชายที่พี่ชายมักเอ่ยวาจาดูแคลนอยู่บ่อยๆ

ในช่วงเวลานั้น โรคแอนแทรกซ์ทำวัวตายไปหลายตัว และพวกเขาก็ค่อนข้างระแวดระวังเป็นอย่างดี
Review: Jane Campion's exquisite The Power of the Dog is searing,  surprising and dastardly drama - The Globe and Mail
Benedict Cumberbatch กับ Jesse Plemons ในหนังของ Jame Champion

อีกด้านหนึ่ง คือ ครอบครัวที่เหลือเพียงแม่กับลูกชาย โรส กอร์ดอน ที่สูญเสียสามีไปและดูแลร้านอาหารโดยมีลูกชายคอยเป็นลูกมือ ปีเตอร์เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงที่ชื่นชอบในงานศิลปะซึ่งดูจะผิดแผกจากค่านิยมความเป็นชายในยุคสมัยนั้น โดยเฉพาะในสายตาของฟิล เบอร์แบงก์

แต่แล้วกลับกลายเป็นจอร์จที่แต่งงานกับโรส พาเธอและลูกชายย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกัน แม่กับเด็กหนุ่มที่ถูกฟิลดูถูกตลอดเวลา เมื่อต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับฟิล คนทั้งสองเลือกจะรับมือแตกต่างกัน โรสเลือกหันเข้าหาเหล้าจนติดหนัก ขณะที่ปีเตอร์ดูจะยังพอรับมือไหว

Netflix Pelis España on Twitter: "Si quieres pasarte toda la película  gritando “si os gustáis pos liaros”, #SolteroHastaNavidad es perfecta para  ti. Disponible el 2 de diciembre. https://t.co/KNGISD06QK" / Twitter
Kirsten Dunst ในหนัง The Power of the Dog

เป็นหนังที่เปิดให้ดาราได้แสดงศักยภาพ

บทสนทนาที่เผยให้เห็นความดูถูกเหยียดเพศหญิงและถากถางความไม่เป็นชายชาตรีในแบบที่ฟิลนึกคิด ทั้งคำพูดและการกระทำล้วนกรีดแทงใจโรสจนเธอรับไม่ไหว เครียดหนักจนต้องพึ่งพาเหล้า คนดูอย่างเราเข้าใจความรู้สึกของโรส จิตใจเธออาจอ่อนไหวเกินกว่าจะรับมือ เพราะไม่ใช่แค่ฟิลที่ทำเธอเจ็บปวด แม้แต่คนในหมู่บ้านเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอทุกข์ใจ บทนี้ Kirsten Dunst ถ่ายทอดเอาไว้ได้ดี

ขณะที่ Benedict Cumberbatch เขาโดดเด่นมากกับบทของผู้ชายที่เบื้องหน้าดูแข็งแกร่ง หากหลบซ่อนบางที่อ่อนแอสิ่งไว้ข้างใน การกระทำที่แข็งกระด้างนั้นเป็นเพียงฉากหน้าที่ฉาบทาความรู้สึกเบื้องหลังที่ไม่ต้องการให้ใครเห็น เขาส่งผ่านสีหน้าแววตาของคนที่มีความซับซ้อน ขัดแย้งในตัวเอง และถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างหมดจด

ขณะที่ Kodi Smit-McPhee การแสดงของเขาทำให้ดูเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ทว่าเกิดในยุคสมัยที่ไม่มีใครเปิดรับ แต่ก็นั่นแหละ ด้วยบุคลิกของเขา มันกลายเป็นข้อได้เปรียบ เพราะข้างในของเขามันเข้มแข็งกว่าที่เห็นมากมายนัก

A vadnyugaton nem elég férfinak lenni, annak is kell látszani | Roboraptor
Kodi Smit-McPhee ในหนัง The Power of the Dog

เดินเรื่องเรียบช้า แต่ว่าเย็นยะเยือก

เรื่องของหนังที่เดินอย่างเนิบช้า เรียบเรื่อย ระหว่างนั้นก็ปล่อยให้เขาเฝ้ามองใบหน้า แววตา ภาษากายของตัวละครต่างๆ บางครั้งก็เก็บภาพของสิ่งมีชีวิต (เช่น ม้า) และสิ่งไม่มีชีวิต (เช่น ภูเขา) มาสลับไป หลายหนที่หนังแทรกด้วยฉากของการกระทำ ไร้ซึ่งคำพูด แต่บอกใบ้บางอย่างเอาไว้ ให้เราผู้ชมค่อยๆ เก็บเกี่ยวความสงสัย ก่อนจะไปเฉลยเอาในตอนท้าย

ดนตรีประกอบเองก็สอดประสานไปกับงานภาพ ส่งเสริมความเนิบช้าให้ทำงาน หลายช่วง ดนตรีก็เน้นเสียงไวโอลินที่ทั้งแหลมและกรีดลึก ทำให้โทนหนังออกมาดูเย็นชาผิดกับภาพของมอนทานาที่ดูร้อนระอุ

美国电影学会公布2021年十佳电影,《沙丘》《倒数时刻》入榜_布莱德利·库珀_排名_瑞秋·泽格勒
โปสเตอร์หนัง The Power of the Dog

หนังบอกกับเราว่า บางครั้ง คนที่ภายนอกดูแข็งกระด้างและใช้วาจาเสียดแทงทำร้ายคนหนึ่งนั้น แท้จริงเขาอาจต้องการปกปิดความจริงที่อยากเก็บซ่อนอยู่ก็ได้ อีกข้อก็คือ การเป็นคนแปลกในสังคมอาจต้องรู้จักวิธีในการตอบโต้ การถูกสังคมทำร้ายให้ต้องเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา หนทางที่ทำได้ อาจเป็นการทำตัวให้เหมือนคนไม่มีพิษมีภัย ปล่อยเวลาให้ทำงานของมันไป

แต่เมื่อถึงเวลาเมื่อไหร่ การตอบแทนที่สาสมจะบังเกิดขึ้น!