slider2
slider2
previous arrow
next arrow
คริส เฮมส์เวิร์ธ เตรียมพักงาน!! หลังตรวจพบว่าตัวเองมีความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์

นักแสดงจากบทเทพ Thor คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) ได้เปิดเผยกับ Vanity Fair ว่าเขากำลังวางแผนหยุดพักงานการแสดงหลังจากจบการเดินสายโปรโมทซีรีส์ Limitless ของดิสนีย์พลัส เนื่องจากเขาไปพบแพทย์และพบว่าเขามีความปกติทางพันธุกรรมที่สัมพันธ์กับโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคสมองเสื่อม

“ไม่ใช่ว่าผมยื่นใบลาออกหรอกนะ” เฮมส์เวิร์ธบอกว่าตอนนี้เขามีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้นถึง 8-10 เท่า ซึ่งเป็นโรคเดียวกับที่ปู่ของเขากำลังเผชิญอยู่ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะจำอะไรได้มากกว่านี้อีกหรือเปล่า เขาเข้าๆ ออกๆ ภาษาดัตช์ ซึ่งเป็นภาษาแม่ของเขา เขาจะพูดดัตช์และอังกฤษ จากนั้นก็เอามาปนกัน และอาจมีคำศัพท์ใหม่โผล่ขึ้นมา”

การถ่ายทำซีรีส์ Limitless ไม่เพียงแต่ทำให้เฮมส์เวิร์ธค้นพบความบกพร่องทางพันธุกรรมของเขา แต่ยังทำให้เขาได้รับประสบการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาหยุดพักจากงานการแสดงด้วย ในซีรีส์ Limitless จะมีตอนที่เล่าว่าเฮมส์เวิร์ธได้รับการวินิจฉัยยังไงด้วย ซึ่งดิสนีย์เคยเสนอให้ตัดส่วนนี้ออก แต่เขายืนกรานให้ทิ้งมันไว้แบบนั้น

“มันกระตุ้นบางอย่างในตัวผมให้อยากหาเวลาพักผ่อนบ้าง” เฮมส์เวิร์ธกล่าว “ทันทีที่ผมเสร็จสิ้นการเดินสายในสัปดาห์นี้ ผมก็จะกลับบ้านและมีเวลาพักผ่อนดีๆ และทำให้มันยุ่งยากน้อยลง อยู่กับลูกๆ และภรรยาของผม”

“ถ้านี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนดูแลตัวเองดีขึ้นและเข้าใจว่ามันมีขั้นตอนต่างๆ ที่คุณเองก็สามารถทำได้ นั่นก็ยอดเยี่ยมมากแล้วครับ ความกังวลของผมคือผมไม่อยากเข้าไปบงการและทำให้มันดูเกินจริง และทำให้มันกลายเป็นเรื่องประดิษฐ์ประดอยที่น่าเห็นอกเห็นใจหรืออะไรก็ตามเพื่อความบันเทิง”

และหลังจากนักแสดงหนุ่มพูดจบก็ตัดสินใจว่าหลังจากโปรโมทซีรีส์เรื่อง Limitless เสร็จ จะพักงานแสดงไปชั่วคราว แต่ไม่ได้หายไปจากวงการเลย

เฮมส์เวิร์ธ แจ้งเกิดในบทบาท เทพเจ้าสายฟ้าธอร์ ครั้งแรกใน Thor (2011) และเป็นสมาชิกทีมอเวนเจอร์สรุ่นแรกคนเดียวที่มีภาพยนตร์เดี่ยวออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมถึง 4 เรื่องด้วยกัน อาทิ Thor (2011), Thor: The Dark World (2013), Thor: Ragnarok (2017) และ Thor: Love and Thunder (2022) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องล่าสุดนั้นยังคงดังเปรี้ยงไม่แผ่ว ขนาดกวาดเงินจากทั่วโลกได้สูงถึง 760 ล้านเหรียญฯ และสร้างสถิติกวาดเงินทะลุ 143 ล้านเหรียญฯ ในสัปดาห์เปิดตัวที่อังกฤษอีกด้วย

ที่มา: Vanity Fair