slider2
slider2
previous arrow
next arrow
หวนคืนสู่จอยักษ์ Indiana Jones and the Dial of Destiny การผจญภัยที่หายไปนาน 15 ปี

Indiana Jones and the Dial of Destiny กำลังจะพานักผจญภัยในตำนานกลับมาโลดแล่นบนจอยักษ์เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งนับเป็นเวลาที่ห่ายหายไปยาวนานถึง 15 ปี หลังจาก Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull (2008) และอย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า ไชอา ลาบัฟ (Shia LaBeouf) จะไม่ได้กลับมารับบท มัตต์ วิลเลี่ยมส์ ลูกชายของอินดี้ ในผลงานภาคนี้ด้วย แต่ล่าสุดผู้กำกับ เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold) ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว Entertainment Weekly ว่า “ใน Indiana Jones 5 ผู้ชมจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครมัตต์” แต่ก็ยังไม่ได้ให้ข้อมูลอื่นใดเป็นพิเศษ

Indiana Jones et le Royaume du crâne de cristal : les détails cachés du film  - AlloCiné

Kingdom of the Crystal เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1957 ขณะที่ Dial of Destiny จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1969 เมื่อถามว่าทำไมถึงได้เลือกจะลุยต่อไปในยุคนี้ แมนโกลด์ ก็ตอบว่า “จริง ๆ แล้ว 1969 เป็นจุดเริ่มต้นของตอนนี้ ด้วยเรื่องของเทคโนโลยี และการแข่งขันบนอวกาศ ซึ่งจะมีทั้งสงครามเย็น พลังงานนิวเคลียร์ การวางอุบาย ความไม่ชัดเจนระหว่างคนดีและคนเลวครับ”

“ในทำนองเดียวกัน คุณต้องคำนึงถึงวิธีการที่คุณจะพยายามจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนอย่างเที่ยงธรรม อย่างการใช้กลยุทธ์เปลี่ยนดำให้เป็นขาว เปลี่ยนขาวให้เป็นดำภายในช่วงเวลาที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วย เราพยายามจะใช้ประโยชน์ในจุดนั้นโดยการกระโดดข้ามไปยังปี 1969 เพื่อฮีโร่ที่คุ้นเคยกับโลกขาวดำ แต่แล้วเขาก็ได้พบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่กลายเป็นสีเทา” แมนโกลด์ เสริม

Alex P. (@AlexFromCC) / Twitter

แม้เหตุการณ์ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในปี 1969 แต่ก็จะมีการคาบเกี่ยวโยงย้อนกลับไปช่วงยุค 1940 ด้วยการใช้เทคนิคลดเลือนริ้วรอยให้กับตัวละครของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) ด้วย

“มันเป็นการระเบิดความสนุกสำหรับการต่อสู้สุดคลาสสิกของอินดี้” แมนโกลด์ กล่าว “ผมกำลังสร้าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก เวอร์ชันที่ดีที่สุดของผม และแฮร์ริสันเขาก็ได้แสดงเวอร์ชันอายุต่ำกว่า 40 ปีที่ดีที่สุดของเขาด้วยเช่นกัน”

Indiana Jones and the Dial of Destiny มีแผนจะเข้าฉายวันที่ 28 มิถุนายน 2023 ในโรงภาพยนตร์

ที่มา: Entertainment